ส่งลูกเล็กเรียนว่ายน้ำ ฝึกทักษะเอาตัวรอด เพราะ "เด็กจมน้ำตาย" สูงเป็นอันดับหนึ่งของไทย

เด็กจมน้ำตายเป็นปัญหาการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทย ... สูงกว่าเด็กที่เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา  และจากสถิติในมี.ค. – พ.ค. ปี 2561 มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตถึง 231 คนเลยทีเดียวค่ะ ด้วยเหตุนี้ Happy Mom.Life จึงขอสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ส่งเด็กๆ ไปเรียนว่ายน้ำ เพื่อให้พวกเขามีทักษะการเอาตัวรอดติดตัวไว้เผื่อมีเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น 

จากสถิติพบว่า โดยส่วนใหญ่ ปัญหาเด็กจมน้ำตา เกิดจากการขาดทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำและไม่รู้วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง โดยแหล่งน้ำที่เด็กจมน้ำมากที่สุด คือ แหล่งน้ำตามธรรมชาติ... แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านไม่ได้อยู่ติดแหล่งน้ำ แต่ก็มีเด็กมากมายที่ต้องเสียชีวิตจากการจมน้ำเมื่อออกไปในที่ต่างๆ เช่น ทะเล แม่น้ำ หรือแม้แต่ที่โรงเรียน ทักษะการว่ายน้ำจึงคุ้มที่จะฝึกฝน เพราะหากว่ายน้ำเป็นแล้ว ทักษะเหล่านี้จะอยู่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิตไม่หายไปแน่นอน

เรียนว่ายน้ำ

4 ขวบ+ ก็เรียนว่ายน้ำได้แล้วจ้า!

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการส่งลูกเรียนว่ายน้ำแบบปกติทั่วไปเพื่อฝึกทักษะให้เด็กๆ สามารถเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน เราแนะนำให้รอลูกอายุมากกว่า 4 ขวบขึ้นไปเสียก่อน  ทั้งนี้เพราะเด็กที่อายุยังน้อย จะยังไม่มีทักษะการเอาตัวรอดที่ดีมากนัก รวมทั้งอาจจะยังไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของครูฝึกได้ดี และยังมีภูมิต้านทานไม่แข็งแรงมาก จึงอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอุบัติเหตุได้ง่าย

4 ขวบ+ ก็เรียนว่ายน้ำได้แล้ว

อายุไม่ถึง 4 ขวบเรียนว่ายน้ำได้ไหมล่ะ?

ได้ค่ะ! ในยุคนี้มีทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกคุ้นเคยกับน้ำตั้งแต่ลูกอายุไม่กี่เดือน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถส่งลูกไปเรียนการว่ายน้ำสำหรับทารกได้ แต่ต้องเป็นโรงเรียนที่สอนว่ายน้ำสำหรับทารกโดยเฉพาะ ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้จะมีสระว่ายน้ำแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับทารก และต้องมีครูฝึกที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างถูกต้องเท่านั้นค่ะ

• ทารกว่ายน้ำดีอย่างไร เลือกสระว่ายน้ำทารกแบบไหนจึงปลอดภัยชัวร์

  เลือกสระว่ายน้ำให้ปลอดภัยสำหรับลูก

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจอยากส่งเด็กๆ ไปเรียนว่ายน้ำแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเพิ่มความใส่ใจในการเลือกสระว่ายน้ำเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ค่ะ เราแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าสระว่ายน้ำนั้นเหมาะกับการพาลูกไปเรียนว่ายน้ำหรือไม่ โดยให้ดูดังนี้ค่ะ

• การดูแลรักษาความสะอาดของสระว่ายน้ำได้มาตรฐาน มีการเปลี่ยนน้ำและทำความสะอาดทุกสัปดาห์
• มีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา
• ครูผู้ฝึกสอนได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้อง มีประสบการณ์
• จำนวนนักเรียนไม่มากจนเกินไป
• หากลูกยังเป็นทารก ให้เลือกโรงเรียนที่มีสระว่ายน้ำสำหรับทารกเท่านั้น

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจสอบถามคุณครูเรื่องขั้นตอนการสอน และคอยอยู่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง เพื่อความสบายใจ และมั่นใจว่าลูกจะปลอดภัย สนุกกับการเรียนว่ายน้ำจนบรรลุผลสำเร็จได้อย่างแท้จริงค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง : https://voicetv.co.th/read/3ObP_Bezq