"อยากมีลูก อยากมีบ้าน" 5 เทคนิคที่คุณต้องไม่มองข้าม เพื่อความฝันราบรื่น ไร้ปัญหา

08 May 19 pm31 14:06

เป็นเรื่องธรรมดาที่หลังจากคุณพ่อคุณแม่ได้ก่อร่างสร้างครอบครัวมาด้วยกัน ก็ย่อมอยากมีลูก และอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมีแผนในใจว่าอยากจะซื้อบ้านแต่เริ่มต้นไม่ถูก Happy Mom.Lifeมีข้อแนะนำ 5 ข้อในการเลือกคิดตัดสินใจมาฝากค่ะ



1. บ้านยิ่งใหญ่ปัญหายิ่งเยอะ

บ้านที่ใหญ่เกินไปก็อาจนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ เช่น การดูแลทำความสะอาด การซ่อมบำรุง หรือค่าใช้จ่ายที่สูงจนทำให้คุณพ่อคุณแม่แบกรับภาระไม่ไหว บ้านหลังใหญ่จึงน่าจะเหมาะกับครอบครัวที่มีรายได้ค่อนข้างสูง หรือครอบครัวที่มีผู้อาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน เช่น ครอบครัวที่มีญาติผู้ใหญ่อาศัยอยู่ด้วย แต่หากคุณเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีฐานะปานกลาง เราเชื่อว่า บ้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดีก็สามารถทำให้คุณมีความสุขได้ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ


2. คิดให้ไกลถึง 10 ปีข้างหน้า

สภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้านเป็นอีกเรื่องสำคัญ บ้านบางแห่งราคาไม่แพง แต่รายล้อมไปด้วยอันตราย เช่น โรงงานที่ปล่อยสารเคมี หรือมีข่าวอาชญากรรมบ่อยๆ คุณควรตัดทิ้งไปเลย หมู่บ้านบางแห่งตั้งอยู่ในซอยเปลี่ยวลึก อยู่ไกลจากโรงเรียนของลูก อาจไม่เหมาะกับครอบครัวที่ไม่มีรถส่วนตัว คุณพ่อคุณแม่จึงต้องลองเช็คเรื่องเหล่านี้ หรือหาทางแก้ปัญเอาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ 


นอกจากนี้ เราแนะนำให้คุณมองถึงอนาคตข้างหน้าควบคู่ไปด้วย เช่น ปัจจุบันทำเลนอกเมืองอาจขับรถไปมาได้ง่าย แต่เวลาผ่านไป เมืองขยาย การจราจรติดขัด การขับรถอาจไม่สะดวกอีกต่อไป สำหรับบางครอบครัว บ้านนอกเมืองหลังใหญ่ที่ราคาแพง จึงอาจไม่คุ้มค่าเท่าบ้านในเมืองหลังเล็กกว่าที่ราคาใกล้เคียงกัน เป็นต้น 


3. การผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน

ปัญหาหลักๆ ของการซื้อบ้าน ก็คือค่าใช้จ่ายที่ต้องผ่อนกันไปยาวๆ โดยปกติแล้ว รายจ่ายการผ่อนทั้งหมดของคุณไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน คุณจึงต้องเช็คราคาค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนร่วมกับค่าผ่อนของอื่นๆ ที่คุณต้องจ่ายว่าคุณสามารถแบกรับภาระไหวหรือไม่ ทั้งนี้อย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าบำรุงดูแลบ้าน ค่าเดินทาง ค่าน้ำไฟ ค่าประกัน ค่าตกแต่งซ่อมแซม หรือค่ากินอยู่ของลูกด้วยนะคะ


4. ต้องมีเงินสำรอง 6 เท่าของค่าใช้จ่าย

นอกจากมองถึงรายรับ รายจ่ายในปัจจุบันแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจต้องมองถึงรายจ่ายในอนาคตร่วมด้วยนะคะ เช่น หากลูกเข้าเรียนแล้ว จะต้องมีเงินสำหรับค่าเทอมของลูก ค่าเดินทางไปโรงเรียน หรืออาจจะต้องกู้เงินเพื่อซื้อรถอีกสักก้อน ดังนั้น เราจึงแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มีเงินสำรองไว้เผื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินสัก 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน และวางแผนเก็บเงินเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตด้วยค่ะ


5. ทำประกันพร้อมรับทุกความเสี่ยง

ไม่มีใครรู้ค่ะว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น การทำประกันจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ ก่อนซื้อบ้านแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่วางแผนเรื่องการทำประกันต่างๆ ให้รอบคอบเสียก่อน ทั้งประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันสินเชื่อ แม้จะดูเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เห็นผลในวันสองวัน แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน คุณพ่อคุณแม่จะได้สบายใจว่า อย่างน้อยเราก็มีเงินสำหรับดูแลเรื่องเหล่านี้แล้วแน่นอน


หลักๆ แล้ว การเลือกซื้อบ้านคุณพ่อคุณแม่ต้องดูเรื่องค่าใช้จ่ายและรายได้ของครอบครัว ความปลอดภัยของลูก และนอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ความถูกใจ ลักษณะของบ้านที่เข้ากับไลฟสไตล์ รวมไปจนถึงเพื่อนบ้านที่น่ารัก Happy Mom.Lifeขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังก่อร่างสร้างครอบครัว ที่ไปถึงฝั่งฝันได้โดยสมบูรณ์นะคะ


บทความที่เกี่ยวข้อง