3 อุปกรณ์เครื่องครัวจำเป็น สำหรับทำอาหารแช่แข็งให้ลูกน้อยวัย 6-9 เดือน

13 Jun 19 am30 10:12

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัย 6-9 เดือน คุณแม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนอาหารให้กับลูก จากที่ให้ทานแต่นมแม่อย่างเดียว ก็ต้องเพิ่มอาหารเสริมจำพวกผักต้มสุกและผลไม้ นำมาปั่นละเอียดผสมนมแม่หรือไรซ์ซีเรียล ป้อนให้กับลูกเสริมไปกับการทานนมแม่ เพื่อให้ร่างกายของลูกได้รับสารอาหารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการทำอาหารเสริมให้กับทารกในวัย 6 เดือนขึ้นไปนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะต่อให้คุณเป็นคุณแม่ที่มีเวลาน้อย ก็สามารถทำอาหารเสริมให้ลูกในครั้งเดียวได้ ด้วยการฟรีสเป็นอาหารแช่แข็งเก็บไว้ให้ลูกทานได้ในอีกหลายๆ มื้อ



การทำอาหารแช่แข็งสำหรับเด็กอ่อนวัย 6-9 เดือน จึงเป็นที่นิยมของคุณแม่สมัยใหม่เป็นอย่างมาก เพราะสะดวกกับคุณแม่ที่ต้องทำงานและเลี้ยงลูกอ่อนไปด้วย ให้ไม่ต้องบดอาหารให้ลูกทุกมื้อเหมือนแต่ก่อน เอาเป็นว่า มาดูกันดีกว่า ว่าอุปกรณ์ทำอาหารแช่แข็งสำหรับเด็กวัย 6-9 เดือน ที่จำเป็นต้องมีติดครัวไว้นั้น มีไรบ้าง 


1. เครื่องนึ่งและปั่นอาหารเด็ก

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้สะดวกสบายกับคุณแม่มากยิ่งขึ้น เพราะเครื่องเดียวสามารถใช้งานง่าย สะดวกสบาย ได้ทั้ง นึง อุ่น และ ปั่น ซึ่งการนึงจะไม่ทำลายคุณค่าทางอาหารของผักเหมือนการต้ม อีกทั้งคุณแม่ยังสามารถครีเอทเมนูอาหารอื่นๆ ให้กับเจ้าตัวเล็กเมื่อเลยวัย 9 เดือน ไปแล้ว เพราะเครื่องนี้ สามารถหุงข้าว ตุ๋นน้ำซุป หรือทำโจ๊กได้ด้วย


หากไม่มี >> คุณแม่จะใช้หม้อนึ่งผักแยกกับเครื่องปั่นไฟฟ้าที่มีอยู่ภายในบ้านได้


ภาพจากเพจ Mcdou Thailand เครื่องนึ่งปั่นอาหารสำหรับทารก


2. หลุมซิลิโคน บล็อกแช่แข็งอาหารเด็ก

หลุมซิลิโคนใส่อาหารแช่แข็งเด็ก มีหลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย บางแบรด์บอกขนาดช่องด้วย เช่น 1oz หรือ 2oz และยังสามารถแช่ช่องฟรีซได้และนำเข้าไมโครเวฟหรือ ลวก-นึ่งได้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นหลุมซิิลิโคนที่ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัยต่อลูกน้อย มี BPA Free จะยิ่งดี เพราะสามารถทนความเย็นได้ -20 องศา และทนความร้อนได้สูงถึง 220 องศา ให้คุณแม่สามารถนำผักหรือผลไม้ที่ปั่นละเอียดมาเทใส่เพื่อฟรีสเก็บไว้ให้ลูกทานได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย


หากไม่มี >> คุณแม่จะใช้ช่องทําน้ำแข็งในตู้เย็นที่บ้านแทนได้



3. ถุงซิปล็อค สำหรับใส่อาหาร

การนำอาหารเสริมที่แช่จนแข็งออกจากถาดหหลุมซิลิโคน แล้วนำมาใส่ไว้ในถุงซิปล็อค จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการจัดเก็บอาหารให้ง่ายขึ้น และช่วยทำให้คุณแม่สามารถเก็บอาหารไว้ได้นานขึ้น เนื่องจากอากาศหรือความชื้นจะไม่สามารถเข้ามาในถุงได้ แต่สำคัญคือ อย่าลืมเขียนวันที่ รายละเอียดบริเวณข้างถุงด้วย จะได้รู้ว่าถุงไหนเก่า ถุงไหนใหม่ ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อสะดวกในการหยิบใช้ และรู้ว่าลูกทานวันละกี่oz


บทความที่เกี่ยวข้อง