“ภาวะแท้งคุกคาม” เรื่องใกล้ตัวที่คนท้องควรรู้ ลดการสูญเสียทารกในครรภ์
สิ่งที่อันตรายต่อคนท้องที่สุดก็คือ การมีเลือดออกทางช่องคลอด ก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ หรือที่คุณหมอเรียกว่า “ภาวะแท้งคุกคาม” ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ภาวะแท้งคุมคามไม่เพียงแต่เกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ที่อยู่ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ภาวะแท้งคุกคามนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงของการตั้งครรภ์ ฉะนั้น หากคุณแม่ตั้งท้องรู้จักวิธีดูแลตัวเอง ก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแท้งคุมคามได้
คุณแม่เดินเยอะ ช้อปปิ้งเพลินต้องระวัง
ภาวะแท้งคุกคาม คืออะไร
ภาวะแท้งคุกคาม คือ โอกาสที่จะทำให้เกิดการสูญเสียตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์มารดา ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งจากความผิดปกติที่เกิดจากธรรมชาติ และปัจจัยเสี่ยงจากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อาจไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำนั้นกำลังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งคุมคามนี้ได้
สาเหตุของการเกิดภาวะแท้งคุกคาม อาจเกิดจากปัจจัยหลายๆ เช่น
- อายุของคุณแม่
- สุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ เช่น เป็นเบาหวาน มีโรคประจำตัวที่เสี่ยง
- ความเครียด
- การใช้ยา
- ปัญหาจากมดลูกที่ไม่แข็งแรง
- การรับประทานอาหารที่ทำให้ท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษ
- การออกกำลังกายที่มากเกินไปหรือยกของหนัก
- นั่ง เดิน หรือยืนนานๆ ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะแท้งคุกคามได้ ฯลฯ
อาการแท้งคุกคาม
อาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงจากการบีบตัวของมดลูก มีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงอายุครรภ์ก่อน 28 สัปดาห์ อาการเหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณภาวะแท้งคุกคามได้ ฉะนั้น จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์ทันที ซึ่งคุณหมออาจจะฉีดยากันแท้งให้ในช่วงเริ่มต้น แต่นั่นเป็นเพียงการป้องกันเท่านั้นจึงอาจไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
การป้องกันตัวเองจากภาวะแท้งคุกคาม
- อย่าเครียด ทำใจให้สบาย เพราะความเครียดจะมีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ ทำให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจมีผลกับทารกที่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์
- คุณแม่ท้องที่อายุน้อยไปหรืออายุมากไป ควรดูแลครรภ์และสุขภาพของตัวเองให้มากเป็นพิเศษ
- ระมัดระวังอุบัติเหตุที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งคุมคาม เช่น ล้ม กระแทก ยกของหนัก หรือ เดินเยอะไป ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะแท้งคุกคาม
- คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย
สุดท้ายนี้ หากคุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกไม่แน่ใจกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือไม่ก็ตาม แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจสอบจะดีที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้หรือคิดไปเอง