คุณค่าและประโยชน์ที่ลูกจะได้จาก “น้ำนมแม่”

13 Aug 19 pm31 16:14

น้ำนมแม่ คือสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก อีกทั้งยังมีงานวิจัยค้นพบว่า การให้ทารกกินนมแม่จะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินถึง 4 จุด นั้นก็เป็นเพราะว่าในนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นทั้งต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและยังช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยได้ด้วยนั้นเอง



Colostrum ในช่วง 2-3 วันหลังคลอด แม่จะมีน้ำนมใสสีเหลือง หรือจะเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าหัวน้ำนม ซึ่งน้ำนมชนิดนี้จะมีภูมิคุ้มกันจากแม่สูงที่สุด ช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานโรคหลายอย่าง เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคหูน้ำหนวก โรคทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ ฯลฯ และยังช่วยระบายขี้เทา ทำให้ลูกหายตัวเหลืองด้วย


Lysozyme เป็นเอนไซม์ที่มีในน้ำนมแม่มากกว่านมวัวถึง 3,000 เท่า มีฤทธิ์ย่อยสลายผนังเซลล์ของเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย ทำให้เชื้อตาย แถมยังเติมลงในนมผงไม่ได้ เพราะเอนไซม์ต่างๆ จะถูกทำลายด้วยความร้อนในขั้นตอนที่นำนมผงไปฆ่าเชื้อก่อนบรรจุกระป๋องด้วย


MFGM สารอาหารสมองที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง และ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง


DHA กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของไขมันในสมองและจอประสาทตา ซึ่งลูกรักจะได้รับโดยตรงจากนมแม่นั่นเอง แถม DHA ในน้ำนมแม่นั้นจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไปด้วย


Taurine ช่วยบำรุงสมองและช่วยพัฒนาเรื่องการมองเห็นของลูกได้ดี


Lactoferrin โปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถดักจับธาตุเหล็กในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียซึ่งต้องใช้โมเลกุลของธาตุเหล็กอิสระช่วยในการเจริญเติบโตไม่สามารถเจริญเติบโต จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกได้


สารช่วยป้องกันแบคทีเรีย ในน้ำนมแม่มี Bifidus Growth Factor หรือสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแล็กโตบาซิลลัส (ที่ไม่มีในน้ำนมวัว) และแล็กโตสในน้ำนมแม่ยังเปลี่ยนเป็นกรดแล็กติกไปช่วยให้ลำไส้มีสภาพเป็นกรด จนแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแรงหนึ่งด้วย


ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟแนะนำว่า เพื่อประโยชน์แก่ลูกอย่างเต็มที่ แม่ควรให้นมแม่ทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ให้นมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก และให้นมแม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับอาหารตามวัย ตั้งแต่เดือนที่ 6 จนลูกอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น


บทความที่เกี่ยวข้อง