เมื่อลูกเพิ่งอยู่ชั้นอนุบาล บอกคุณแม่ว่า "หนูมีแฟน" เป็นปัญหาหรือเรื่องธรรมดาของเด็ก ๆ

เป็นคุณแม่มือใหม่ นอกจากจะใช้สัญชาตญาณของความเป็นแม่ในการเลี้ยงลูกแล้ว ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสมที่คุณแม่ได้ฟัง ได้อ่าน ก็จะช่วยเป็นแนวทางให้การเลี้ยงลูกของคุณแม่นั้นไม่ยากอย่างที่คิด โดยเด็กในแต่ละช่วงวัยก็มีเรื่องให้คุณแม่ต้องเป็นห่วงแตกต่างกันไปนะคะ ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล ที่อาจทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลใจ เพราะวันดีคืนดีเจ้าตัวเล็กดันมาบอกคุณแม่ว่า...มีแฟนแล้ว... แบบนี้คุณแม่ควรจะต้องทำอย่างไร เป็นเรื่องธรรมชาติหรือเป็นปัญหาที่คุณแม่ต้องกังวลใจหรือไม่ Happy Mom.Life มีเรื่องนี้มาอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้กันค่ะ

เมื่อลูกเพิ่งอยู่ชั้นอนุบาล บอกคุณแม่ว่า "หนูมีแฟน" 

clubbyvibes.com

จริง ๆ แล้วนี่เป็นเรื่องธรรมชาติของเด็ก โดยเฉพาะเด็กในวัย 4-5 ปี หรือเด็กในช่วงวัยที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล จะเริ่มมีความสนใจในเรื่องความแตกต่างของเพศ เข้าใจแล้วว่าตนเองเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย มีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ ชอบสำรวจตรวจตรา เริ่มเล่นอวัยวะเพศ ยกตัวอย่างเด็กผู้ชายบางคนชอบจับหน้าอกแม่ บางคนชอบเปิดกระโปรงเพื่อน

นอกจากนั้นเด็กในวัยนี้ยังชอบเล่นบทบาทสมมติ เล่นพ่อ-แม่-ลูก หรือสมมติว่าเราเป็นแฟนกัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เกิดจากการเลียนแบบจากคนใกล้ตัว หรือเห็นจากละคร การ์ตูน ที่มีการจับคู่เป็นแฟนกันให้เด็กเห็น เด็กบางคนก็เลยเอาไปเลียนแบบเล่นกับเพื่อนต่างเพศบ้าง เช่น กอด หอม จับมือกัน หรือกินข้าวกัน  

ขอหอมหน่อย

festivalsdaywallpapers.com

ถ้าคุณแม่พบว่าวันหนึ่งลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วบอกว่ามีแฟนแล้ว ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะสำหรับเด็กวัยนี้มีความรัก มีคนพิเศษ ก็เป็นความพิเศษแบบเด็ก ๆ ไม่ได้มีพิษมีภัย เกินวัยแต่อย่างใด แต่เป็นการเรียนรู้ในช่วงวัยหนึ่งเท่านั้น

สิ่งที่คุณแม่ควรทำต่อไปคือลองถามลูกดูนะคะว่า คำว่าแฟนของลูกหมายความว่าอะไร เพื่อที่คุณแม่จะได้ฟังจินตนาการของลูก ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกบอกว่าแฟนของลูกคือ คนที่หนูจำชื่อได้คนแรก คนที่ได้เจอทุกวัน นั่งใกล้ ๆ กัน เล่นด้วยกัน กินข้าวกัน กอดกัน จริง ๆ แล้วคำว่าแฟนของลูกก็หมายความถึงเพื่อนสนิทนั่นแหละค่ะ

คุณแม่คุยกับลูก ใช้ภาษาสั้นกระชับ เข้าใจง่าย

spirit1059.com

จากนั้นคุณแม่ควรอธิบายลูกด้วยประโยคสั้น ๆ ใช้ภาษาเข้าใจง่ายว่า แฟนเป็นคำที่ใช้เรียกคนที่รักกันมาก ๆ อยากอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ต้องรอให้โตก่อน เรียนจบ ทำงานหาเงินได้เองแล้ว ถึงจะมีแฟน แต่งงานได้นะลูก อีกทั้งการแสดงความรักนั้นก็มีหลายรูปแบบ อย่างการกอด การหอม ควรแสดงออกกับญาติ หรือคนในครอบครัว เหมือนอย่างตอนที่พ่อแม่กอดลูกแบบนี้ยังไงล่ะจ๊ะ อย่าต่อความยาวสาวความยืด แล้วก็ชวนลูกไปทำอย่างอื่นแทน

แม้จะเป็นเรื่องตามวัยของเด็ก แต่ถ้าลูกมีท่าทางหรืออาการที่ชัดเจนว่าหมกมุ่นกับเรื่องเพศจนเกินไป คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุของความสนใจทางเพศที่มากกว่าปกติและหาทางแก้ไข

เมื่อลูกอายุพ้นวัย 5 ปีไปแล้ว ความสนใจของลูกจะเปลี่ยนจากเรื่องพัฒนาการทางเพศ เป็นพัฒนาการเรียนรู้ด้านวิชาการ ซึ่งคุณแม่ควรส่งเสริมเพื่อเตรียมความพร้อมลูกเข้าสู่วัยประถมศึกษาต่อไปนะคะ