8 สิทธิตามกฎหมาย คุ้มครองดูแล “คุณแม่ตั้งครรภ์” เรื่องสำคัญที่แม่ท้องต้องรู้
คุณแม่ตั้งครรภ์มีสิทธิตามกฎหมายหลายข้อที่คุ้มครองดูแลคุณแม่และทารกในครรภ์ให้ปลอดภัย สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องทำงานประจำไปด้วย Happy Mom.Life ได้รวบรวมเอาสิทธิของคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝาก เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณควรทราบเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเพื่อที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้ใช้สิทธิการเป็นคุณแม่ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
1. คุณแม่ตั้งครรภ์มีสิทธิ์ลาคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน
คุณแม่ตั้งครรภ์มีสิทธิลางานทั้งก่อนคลอด และหลังคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- การลาคลอด 98 วันนี้ นายจ้างไม่สามารถนับรวมกับวันที่คุณลาไปฝากครรภ์และตรวจครรภ์ได้ (แต่ในช่วงระยะที่ลาคลอดบุตร 98 วันนั้น หากมีวันหยุด ต้องนับรวมไปด้วยนะคะ)
- คุณจะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน และจากประกันสังคมอีก 45 วัน (ร้อยละ 50 ของค่าจ้างโดยเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน โดยคำนวณจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท และใช้สิทธิ์นี้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง)
- สำหรับ 8 วันที่เหลือ นายจ้างมีสิทธิ์จะจ่ายหรือไม่จ่ายให้คุณก็ได้ แล้วแต่ตกลงกันค่ะ
2. คุณแม่ตั้งครรภ์ขอรับค่าคลอดบุตรได้ 13,000 บาท
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม ทางประกันสังคมจะจ่ายค่าคลอดบุตรแบบเหมาจ่ายให้คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นเงิน 13,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง ซึ่งคุณสามารถเบิกจ่ายกับโรงพยาบาลไหนก็ได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้ค่ะ
- ผู้รับสิทธิ์ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมครบ 5 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร
- คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- กรณีคุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
3. คุณแม่ตั้งครรภ์ขอรับเงินค่าฝากท้องได้ 1,000 บาท
นอกจากค่าคลอดบุตรแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถขอเบิกค่าฝากครรภ์จากสำนักงานประกันสังคมได้อีก 1,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 ครั้ง ตามอายุครรภ์ ดังนี้ค่ะ
- อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ได้รับเงิน 500 บาท
- อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 300 บาท
- อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 200 บาท
โดยคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกกับสำนักงานประกันสังคมในภายหลังค่ะ
ขอบคุณภาพจาก sso.go.th
4. คุณแม่ตั้งครรภ์ขอเงินสงเคราะห์บุตรได้เดือนละ 600 บาท
ประกันสังคมจะจ่ายเงินค่าสงเคราะห์บุตรให้คุณแม่หลังคลอดเป็นเงิน 600 บาท/เดือน โดยมีเงื่อนไขดังนี้ค่ะ
- คุณแม่ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 โดยจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน
- ลูกต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรม
- ลูกมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ พร้อมกันไม่เกิน 3 คน
- ถ้าผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนบุตรอายุ 6 ปีบริบูรณ์
- คุณแม่จะหมดสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตรในกรณีที่ บุตรเสียชีวิต ยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น หรือความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
ขอบคุณภาพจาก sso.go.th
5. นายจ้างไม่มีสิทธิ์ไล่คุณออกจากงานเพราะตั้งครรภ์
แม้ว่าคุณจะตั้งครรภ์ และมีเงื่อนไขการทำงานที่แตกต่างไปจากตอนก่อนตั้งครรภ์ นายจ้างก็ไม่มีสิทธิ์ไล่คุณออกจากงานด้วยเหตุผลว่าคุณกำลังตั้งครรภ์นะคะ หากนายจ้างมีพฤติกรรมบีบบังคับให้คุณแม่ตั้งครรภ์ออกจากงาน หลังจากทราบว่าลูกจ้างตั้งครรภ์ ลูกจ้างย่อมมีสิทธิฟ้องนายจ้างฐานปฏิบัติต่อลูกจ้างหญิงมีครรภ์โดยไม่เป็นธรรมได้ค่ะ
6. นายจ้างห้ามสั่งคุณแม่ตั้งครรภ์ทำงานที่เสี่ยงอันตราย
การทำงานที่เสี่ยงอันตราย อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของทารกในครรภ์และคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ กฎหมายจึงบัญญาติไม่ให้นายจ้างสั่งให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทำงานต่อไปนี้
- งานเกี่ยวกับเครื่องยนต์มี่มีความสั่นสะเทือน
- งานที่ขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ
- งานยก แบก หาม ทูน ลากหรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม
- งานที่ทำในเรือ
นายจ้างไม่มีสิทธิ์ไล่คุณออกจากงาน
7. คุณขอให้นายจ้างเปลี่ยนหน้าที่ให้เหมาะกับคุณได้
ในกรณีที่การทำงานตำแหน่งเดิมของคุณแม่ตั้งครรภ์ สุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถนำใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งมาแสดง และมีสิทธิขอให้นายจ้างเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้ และนายจ้างจะต้องพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้แก่คุณแม่ตั้งครรภ์ด้วย หากนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับค่ะ
8. นายจ้างห้ามสั่งคุณทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด
ตามกฎหมายแล้ว นายจ้างไม่สามารถสั่งให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทำงานล่วงเวลา 22.00 - 06.00 น. หรือทำงานในวันหยุดได้ ยกเว้นคุณแม่ครรภ์ที่ทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร งานวิชาการ งานธุรการ งานการเงินหรือบัญชี ให้สามารถทำงานล่วงเวลาในวันทำงานได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนค่ะ
สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เรานำมาฝากวันนี้ เป็นสิทธิที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้เอาไว้ เพื่อให้ได้ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ Happy Mom.Life หวังว่าจะมีประโยชน์กับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนนะคะ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง