อยู่เมืองร้อน เก็บ “น้ำนมแม่” ได้นานแค่ไหน? แพทย์ชี้ น้ำนมยังไม่เปรี้ยว ก็อันตรายได้
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทำให้อาหารบูดง่าย รวมทั้ง “น้ำนมแม่” ที่คุณแม่ปั๊มเก็บไว้ให้ลูกด้วย หากอ้างอิงตำราจากต่างประเทศ การเก็บน้ำนมแม่ในประเทศไทยอาจบูดเสียได้เร็วกว่า เพราะฉะนั้น Happy Mom.Life จึงอยากชวนคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บน้ำนมแม่ให้ลูกกิน ว่าควรเก็บรักษายังไง และเก็บไว้นานแค่ไหนจึงจะปลอดภัยต่อลูกจริงๆ ค่ะ
คลินิกนมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ระบุถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บน้ำนมแม่เอาไว้ ดังนี้ค่ะ
วิธีเก็บน้ำนมแม่ | ช่วงเวลาที่เก็บได้ |
เก็บที่อุณหภูมิห้องมากกว่า 25 องศาเซลเซียส | 1 ชั่วโมง |
เก็บที่อุณหภูมิห้องน้อยกว่า 25 องศาเซลเซียส | 4 ชั่วโมง |
เก็บในกระติกน้ำแข็ง อุณหภูมิน้อยกว่า 15 องศาเซลเซียส | 24 ชั่วโมง |
เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส | 96 ชั่วโมง (ประมาณ 4 วัน) |
เก็บในตู้เย็นช่องแช่แข็งประตูเดียว | 2 สัปดาห์ |
เก็บในตู้เย็นช่องแช่แข็ง ประตูแยก | 3 เดือน |
เก็บในตู้เย็นช่องแช่แข็ง ประตูแยก Deep Frezzer | 6 เดือน |
อยู่เมืองร้อน เก็บ “น้ำนมแม่” ได้นานแค่ไหน?
น้ำนมยังไม่ “เปรี้ยว” ก็อันตรายได้
คุณแม่ที่ปั๊มน้ำนมเก็บไว้ ควรชิมน้ำนมแม่ก่อนให้ลูกกินเสมอ แต่แม้ว่าน้ำนมแม่น้ำจะยังไม่มีรสเปรี้ยว คุณแม่ก็ควรดูเวลาที่เก็บรักษาควบคู่กันไปด้วย ถ้าหากว่าเวลาที่เก็บรักษานานกว่าตารางด้านบน ก็ควรเลี่ยง อย่าให้ลูกกินน้ำนมนั้นดีที่สุด เพราะแม้ว่าน้ำนมยังไม่มีรสเปรี้ยว แต่แบคทีเรียต่างๆ ก็อาจเจริญเติบโตอยู่ในนั้นมากพอที่จะทำให้ลูกป่วยได้เช่นกันค่ะ
สำหรับน้ำนมที่คุณแม่เก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อนำมาวางให้ละลายแล้ว ไม่ควรนำกลับไปแช่ให้ลูกกินต่อนะคะ หากลูกกินไม่หมด แนะนำให้ทิ้งไปเลยจะดีที่สุดค่ะ
น้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่หากไม่ระวัง ก็อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้เหมือนกันนะคะ คุณแม่อย่าลืมเช็คเรื่องเวลาและความปลอดภัยก่อนให้นมลูกเสมอ และถ้าเป็นไปได้ พยายามให้ลูกกินนมจากนมแม่โดยตรงให้บ่อยที่สุด เพราะจะช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่น และช่วยเสริมพัฒนาการที่ดีให้ลูกได้อีกด้วยค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง : 9ย่างเพื่อสร้างลูก
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- นมแม่เหลืออย่าทิ้ง! นำมาทำโลชั่นทาตัวลูกต่อได้อีก
- เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร ให้จ้ำม่ำ น้ำหนักตัวเพิ่มในทารกแรกเกิด - 4 เดือน
- 5 วิธีรับมือกับ “ภาวะแพ้อาหารผ่านนมแม่” ทำอย่างไรหากสงสัยว่าลูกแพ้อาหาร?