“ท้องผูก” เรื่องทุกข์ของคุณแม่ตั้งครรภ์
เรื่องหนึ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องพบเจอขณะอุ้มท้องลูกน้อยก็คืออาการท้องผูก ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคุณแม่ และสุขนิสัยในการรับประทานและขับถ่าย หากดูแลรักษาไม่ดีอาจส่งผลต่อทั้งตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์ Happy Mom.Life จึงขอเสนอวิธีที่จะรับมือกับปัญหาโลกแตกนี้ เพื่อให้คุณแม่สามารถดูแลตนเองให้ห่างไกลอาการท้องผูกได้ตลอด 9 เดือน
คุณแม่ตั้งครรภ์รับมืออาการท้องผูกตลอด 9 เดือน
สาเหตุของอาการท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอาการท้องผูกได้ง่าย เนื่องจากมดลูกมีการขยายใหญ่ขึ้นไปกดทับลำไส้ใหญ่ ทำให้การทำงานของระบบขับถ่ายไม่สมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณทวารหนักขยายตัวและโป่งพอง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลง และทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดซึมน้ำมากเกินไป ทำให้ก้อนอุจจาระแข็งและแห้งมากขึ้นกว่าปกติ
นอกจากนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมอื่น ๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ อาทิ การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ขาดการออกกำลังกาย มีลักษณะนิสัยการขับถ่ายที่ไม่ถูกต้อง และการรับประทานวิตามินบางชนิด อาทิ ธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องผูกได้
อาการของท้องผูก
อาการท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอาการเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไป คือไม่สามารถถ่ายอุจจาระออกมาได้ง่ายและสม่ำเสมอ ต้องใช้เวลาในการถ่ายอุจจาระนาน อุจจาระมีก้อนแข็ง ต้องใช้แรงเบ่งมาก อาจรู้สึกเจ็บปวดที่ทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ นอกจากนี้ยังมีอาการท้องอืด เหมือนมีลมในท้อง แน่นท้อง และรู้สึกว่าถ่ายอุจจาระไม่หมด ซึ่งหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้
คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องผูก ต้องใช้เวลาในการถ่ายอุจจาระนาน
อาการท้องผูกกับอันตรายต่อทารกในครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์คงเกิดคำถามขึ้นในใจแล้วว่าอาการท้องผูกส่งผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ คำตอบคือ หากคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ได้เบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงจนเกินไป และไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด การเบ่งอุจจาระก็ไม่ส่งผลต่อทารกแต่อย่างใด
ห่างไกลอาการท้องผูกด้วยวิธีง่าย ๆ
วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ต้องทุกข์ใจกับอาการท้องผูกคือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเอง ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงมากขึ้น อาทิ ผัก ผลไม้ หรือธัญพืช ระหว่างรับประทานอาหารให้เคี้ยวอาหารนาน ๆ เพื่อให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน รวมถึงน้ำอัดลมด้วย
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมทุกวัน
- สร้างสุขลักษณะนิสัยการขับถ่ายอุจจาระที่ดี
- ไม่ควรนั่งเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน และไม่ควรเบ่งถ่ายอุจจาระแรงเกินไป
อาหารที่มีกากใยสูงลดปัญหาท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
เรื่องท้องผูกไม่ใช่เรื่องต้องมานั่งทุกข์ใจแต่อย่างใดหากคุณแม่ตั้งครรภ์ดูแลตัวเองตั้งแต่ต้น ที่สำคัญอย่าหาหยูกยามารับประทานเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะแน่นอนว่าอาจเกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ได้