ไส้ติ่งอักเสบระหว่างตั้งครรภ์ เรื่องสำคัญที่แม่ตั้งครรภ์ควรรู้
โรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัยและรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรรภ์อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะโรคนี้อาจส่งผลกระทบถึงลูกน้อยในครรภ์ได้นะคะ Happy Mom.Life จึงขอรวบรวมเอาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไส้ติ่งอักเสบในคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝากค่ะ
ระวังไส้ติ่งอักเสบระหว่างตั้งครรภ์
โรคไส้ติ่งอักเสบระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลอย่างไรต่อแม่และลูก?
ไส้ติ่ง เป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ที่ยื่นเป็นติ่งออกมา โดยปกติแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่กลับมีอาการอักเสบได้ หากมีเศษอาหารหรืออุจาระหลุดเข้าไปอยู่ข้างใน เกิดการหมักหมมเน่าเสียจนไส้ติ่งบวม แดง และเป็นหนอง ซึ่งหากหนองนั้นแตกขึ้นมา ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยล่ะค่ะ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นปัญหาสำคัญที่ควรรู้ไว้ เพราะมีความเสี่ยงที่มากกว่าคนทั่วไป และอาจส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ดังนี้ค่ะ
- ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ หากคุณแม่มีอาการไส้ติ่งอักเสบ อาจจะทำให้แท้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดอาการไส้ติ่งแตก เนื่องจากหนองที่กระจายทั่วท้องทำให้มดลูกระคายและเกิดการบีบตัว
- อาการไส้ติ่งอักเสบและการรักษาอาจทำให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนด
- การวิเคราะห์ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่อาจจะค่อนข้างยาก เนื่องจากท้องของแม่มีขนาดใหญ่ บดบังไส้ติ่ง และมดลูกของแม่โตขึ้นและดันไส้ติ่งให้เลื่อนขึ้นไป ทำให้ตำแหน่งคลาดเคลื่อน
- อาการแทรกซ้อนต่างๆ อาจทำให้โรคไส้ติ่งอักเสบในคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการคล้ายโรคอื่นๆ เช่น โรคนิ่ว
เพื่อความปลอดภัย คุณแม่ควรสังเกตอาการของตัวเอง โดยหากมีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ 3 ชั่วโมงขึ้นไป ให้รีบไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่
การรักษาไส้ติ่งอักเสบของคุณแม่ตั้งครรภ์
สำหรับการรักษาอาการไส้ติ่งอักเสบนั้น จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดไส้ติ่งเพื่อเอาส่วนของไส้ติ่งที่อักเสบออกไป สำหรับในคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น คุณหมอจะดูระยะเวลาในการตั้งครรภ์ประกอบด้วย ดังนี้ค่ะ
- หากคุณแม่เป็นไส้ติ่งอักเสบในช่วง 1-2 ไตรมาสแรก คุณหมอจะทำการวางยาสลบและผ่าตัดไส้ติ่งออกไป โดยอาจต้องมีการดันมดลูกเพื่อให้ง่ายต่อการผ่าตัด ส่งผลให้คุณแม่อาจต้องคลอดก่อนกำหนด
- หากคุณแม่เป็นไส้ติ่งอักเสบในช่วงไตรมาสที่สามขึ้นไป คุณหมอาจพิจารณาผ่าตัดไส้ติ่ง และผ่าคลอดเลยในคราวเดียวกัน
โรคไส้ติ่งอักเสบนั้น เป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีป้องกันได้อย่างเด็ดขาด คุณแม่จึงต้องคอยสังเกตอาการของตัวเองให้ดี หากมีอาการปวดท้องผิดปกติ ให้รีบไปพบคุณหมอโดยด่วนค่ะ