ลักษณะของ "น้ำคาวปลา" หลังคลอดเป็นอย่างไร น้ำคาวปลาแบบไหนที่เรียกว่าน้ำคาวปลาผิดปกติ
หลังคลอดลูก คุณแม่จะมีของเหลวไหลออกมาจากร่างกายเรียกว่า “น้ำคาวปลา” ซึ่งน้ำคาวปลานี้คือ สิ่งที่ขับออกมาจากแผลภายในมดลูก จากบริเวณที่รกเกาะอยู่นั่นเอง โดยปกติแล้ว น้ำคาวปลาไม่ได้เป็นอันตรายอะไร เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่คุณแม่ควรหมั่นสังเกตให้ดีๆ ด้วย เพราะหากน้ำคาวปลาผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้ออักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายได้ค่ะ Happy Mom.Lifeจึงขอชวนคุณแม่มาทำความรู้จักกับน้ำคาวปลาเพื่อสังเกตตัวเองกันค่ะ
น้ำคาวปลาเป็นเรื่องปกติของคุณแม่หลังคลอดลูก
ลักษณะของน้ำคาวปลา 3 ระยะ
โดยปกติแล้ว น้ำคาวปลาจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ดังนี้ค่ะ
1. น้ำคาวปลาแดง
เกิดขึ้น 3-5 วันหลังคลอดลูก สีของน้ำคาวปลาเป็นสีแดงคล้ำ เพราะประกอบด้วยเลือด เมือก และเศษรก
2. น้ำคาวปลาเหลืองใส
ออกต่อจากน้ำคาวปลาแดง-ประมาณวันที่ 10 หลังคลอดลูก สีแดงจะจางลงเปลี่ยนเป็นสีชมพูจนถึงเหลืองใส น้ำคาวปลาช่วงนี้น้ำเหลือง เยื่อเมือก เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว
3. น้ำคาวปลาขาว
เกิดขึ้นต่อจากน้ำคาวปลาเหลืองใสไปอีกจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอดลูก สีของน้ำคาวปลาจะเป็นสีเหลืองขุ่นจนออกไปทางขาว ประกอบด้วย เม็ดเลือดแดง (น้อย) เม็ดเลือดขาว ไขมัน เมือก และเซลบุผนังช่องคลอด
จะสังเกตได้ว่า น้ำคาวปลาโดยธรรมชาติจะค่อยๆ มีสีจางลงและมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ จนแห้งสนิทในที่สุด หากคุณแม่มีน้ำคาวปลาที่เป็นลักษณะเหล่านี้ ถือว่าปกติค่ะ ในช่วงนี้คุณแม่แค่เพียงดูแลตัวเองให้ดีๆ โดยปฏิบัติตัวดังนี้ค่ะ
- เลี่ยงการว่ายน้ำ หรือแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ
- เปลี่ยนผ้าอนามัยสม่ำเสมอ ไม่หมักหมมนานจนเกินไป
- คอยสังเกตน้ำคาปลาและร่างกายของตัวเองอยู่เสมอ
คุณแม่หลังคลอดควรใส่ใจสุขภาพ หมั่นสังเกตน้ำคาวปลาให้ดี
น้ำคาวปลาแบบไหนต้องไปหาคุณหมอ?
คุณแม่สามารถสังเกตลักษณะของน้ำคาวปลาเพื่อดูว่าร่างกายมีความผิดปกติหรือไม่ โดยให้สังเกตดังนี้ค่ะ
น้ำคาวปลาปกติ
- ไม่มีกลิ่นเหม็น
- มีลักษณะตรงตามระยะต่างๆ ของน้ำคาวปลา สีของน้ำคาวปลาจางลงเรื่อยๆ
- คุณแม่ไม่มีไข้ ไม่เจ็บมดลูกมากผิดปกติ
น้ำคาวปลาผิดปกติ
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
- มีสีแดงเพิ่มขึ้นหลังจากจางลงไปแล้ว
- มีเลือดสดๆ ออกมามากขึ้น
- คุณแม่มีไข้ หรือเจ็บมดลูกผิดปกติ
- มดลูกไม่หดตัวเล็กลง
หากคุณแม่สังเกตเห็นความผิดปกติของน้ำคาวปลา หรือมีอาการเจ็บมดลูก ให้รีบไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจรักษาโดยเร็วนะคะ เพราะหากมีอะไรผิดปกติจริงๆ คุณหมอจะได้ทำการักษาได้อย่างทันท่วงที สุขภาพของคุณแม่จะได้แข็งแรง และมีแรงกำลังในการเลี้ยงลูกน้อยค่ะ