“โรคปอดบวม” ภัยเงียบในเด็กเล็กที่ไม่ควรมองข้าม

18 Jan 18 pm31 14:21

เด็กเล็กยังเป็นช่วงวัยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอในการต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นคุณแม่เองจึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันนี้ และศึกษาข้อมูลเพื่อรับมือกับโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับลูกได้ถูกวิธีและทันท่วงที


ปัจจุบันมีหลายโรคในเด็กเล็กที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม สำหรับโรคปอดบวมจะพบมากในเด็กที่มีอายุ 5 ขวบปีแรก ซึ่งบางครั้งโรคอาจมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ และคงไม่มีคุณแม่คนไหนอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง การเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจ รวมถึงการป้องกันและวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคปอดบวม จึงเป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญ


เด็กเล็กยังไม่มีภูมิต้านทานต้านเชื้อโรค


และด้วยความที่เป็นคุณแม่มือใหม่ด้วยแล้ว ต้องเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคปอดบวมกันก่อนเลย คุณแม่หลายคนยกให้เจ้าโรคปอดบวมนี้เป็นภัยเงียบที่ต้องเฝ้าระวังเลยล่ะ แล้วโรคนี้คืออะไร อาการรุนแรงไหม จะสามารถป้องกันหรือถ้าป่วยแล้วจะมีวิธีการรักษาอย่างไร ตาม Happy Mom.LIfe ไปอัปเดตกันเลยค่ะ


 คุณแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

โรคปอดบวมคืออะไร

โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส เรียกได้ว่าเป็นโรคที่มีการติดเชื้อของปอด เกิดจากการติดเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดบวมคือ เชื้อนิวโมคอคคัส ส่วนเชื้อไวรัสที่สำคัญคือ เชื้อไข้หวัดใหญ่ เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะมีอาการไข้ ไอ และหอบเหนื่อย บ่อยครั้งที่จะมีอาการรุนแรงจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำ


อาการของโรคปอดบวมและการรักษา

อาการของโรคปอดบวมที่พบคืออาการไข้ ไอมีเสมหะ หายใจเหนื่อยหอบ และเจ็บแน่นหน้าอก คุณหมอจะวินิจฉัยโรคจากอาการและการตรวจร่างกาย เอกซเรย์ปอด และการตรวจเสมหะ โดยการรักษาโรคปอดบวมนั้นประกอบด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ (โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย) หรือยาต้านไวรัส (โรคปอดบวมจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่) การให้ออกซิเจน และการให้สารน้ำทางหลอดเลือด


วิธีการป้องกันโรคปอดปวม

การป้องกันโรคปอดบวมสามารถทำได้ โดยคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการพาเจ้าตัวเล็กเข้าไปอยู่ในสถานที่คนแออัด อย่างห้างสรรพสินค้าและโรงพยาบาล หรือเข้าใกล้คนที่ป่วยเป็นไข้หรือมีอาการของระบบทางเดินหายใจ และถ้าหากคนที่ป่วยเป็นคุณแม่เอง ก็ควรระมัดระวัง ปิดปากเวลาไอจาม รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจจะไปติดลูกได้ ที่สำคัญควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หรือฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค


ฉีดวัคซีนป้องกันโรค


เป็นอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัวไม่น้อย และเชื่อว่าคุณแม่คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเองอย่างแน่นอน แม้ว่าปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องโรค แต่ไม่ได้รวมอยู่ในวัคซีนที่ฉีดฟรี จัดเป็นวัคซีนทางเลือกที่คุณแม่ต้องจ่ายเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแม่ เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการฉีดหรือไม่ ทางที่ดีรู้จักโรค อาการ วิธีรักษาป้องกันไว้ จะได้ไม่ตื่นตระหนกตกใจและเตรียมรับมือได้อย่างถูกวิธีและทันท่วงทียังไงล่ะคะ