ลูกนอนกรนอย่างนิ่งนอนใจ เพราะอาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการตามวัยของลูกรัก
คงไม่มีคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนไม่เป็นกังวล หากพบว่าลูกรักเสี่ยงที่จะมีปัญหาในเรื่องสุขภาพ การนอนกรนจึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ ห่วงว่าลูกรักจะมีปัญหาสุขภาพหรือไม่ ทำไมลูกคนอื่นถึงไม่เป็นกัน Happy Mom.Life จึงขอรวบรวมเอาเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาการนอนกรนในเด็กมาฝากค่ะ
ภาวะนอนกรนในเด็กนั้น เป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับเด็กประมาณ 20% โดยส่วนหนึ่งนั้นมีสุขภาพปกติดี แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มีปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน
เด็กที่มีปัญหาเรื่องนอนกรนนั้น ส่วนใหญ่จะพบเมื่อเด็กอายุประมาณ 2-6 ปี เนื่องจากเด็กในวัยนี้ ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์จะโตขึ้น จึงอาจทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจจนเกิดเสียงกรนได้
ปัญหาเรื่องเด็กนอนกรนนี้อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ หรือเกิดกับเด็กที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติการนอนกรน ซึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็อาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการของลูกรักได้ค่ะ
ลูกรักหลับสบาย พัฒนาการตามวัยก็จะดี
เสียงกรนเล็กๆ เป็นสัญญาณ
ว่าลูกรักอาจกำลังถูกขัดขวางพัฒนาการตามวัย
คุณหมอเตือนว่า การที่ลูกรักนอนกรนแบบธรรมดานั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อเด็กมากนัก แต่หากมีภาวะหายใจน้อยลง หรือหยุดหายใจขณะหลับ เพราะจะทำให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ส่งผลให้พัฒนาการตามวัยไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ลูกอาจมีอาการนอนหลับไม่สนิท ปัสสาวะรดที่นอน ส่งผลลบต่อการเรียนรู้และความจำ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมาธิสั้น ที่สำคัญ ขณะหลับและนอนกรนนั้น หัวใจของลูกรักยังต้องทำงานหนักมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจโต และอาจร้ายแรงถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ หากลูกน้อยกรนขณะหลับ โดยให้หมั่นสังเกตอาการดูว่า การนอนกรนของลูกเข้าข่ายภาวะเสี่ยงหรือไม่ โดยให้สังเกตดังนี้
- เด็กมีท่านอนที่ไม่ปกติ
- มีอาการหายใจลำบาก หายใจติดขัด หรือหยุดหายใจเป็นพักๆ และมีอาการหายใจหอบหรือตื่นกลางดึก
- ปัสสาวะรดที่นอนทั้งที่เคยควบคุมได้
- นอนกระสับกระส่าย เหงื่อออกมากเวลานอนหลับ
- ง่วงมากในเวลากลางวัน
- อารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย สมาธิสั้น
- ความดันโลหิตสูงกว่าปกติ
หากลูกรักมีอาการดังกล้าว หรือคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าอาการนอนกรนของลูกเข้าข่ายอันตรายหรือไม่ ลองปรึกษาคุณหมอเพื่อความมั่นใจก็ได้นะคะ เพราะอย่างน้อย หากมีอาการผิดปกติจริง คุณหมอจะชี้แนะแนวทางการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยไว้จนส่งผลร้ายต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูก เราคิดว่ามันไม่คุ้มกันค่ะ