5 ข้อควรระวัง เมื่อแม่ท้องต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะ
แม้เราจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า “คนท้องไม่ใช่คนป่วย” และคนท้องยังสามารถทำอะไรตามปกติได้เหมือนคนทั่วไป แต่เราก็ต้องยอมรับว่า คุณแม่ท้องต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะหากพลาดพลั้งไป อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ แต่ความจำเป็นในการใช้ชีวิต อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องออกไปผจญภัยนอกบ้านอยู่บ่อยๆ เช่น ต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งอาจจะทำให้เสี่ยงมากกว่าการเดินทางด้วยรถส่วนตัว
อันที่จริงการเดินทางโดยรถสาธารณะไม่ใช่ข้อห้ามสำหรับแม่ตั้งครรภ์นะคะ แต่Happy Mom.Lifeคิดว่า ถ้าคุณแม่ระวังให้มากขึ้นหน่อยก็น่าจะดี จึงรวบรวมเอา 5 ข้อควรระวัง เมื่อแม่ท้องต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมาฝากค่ะ
1. เช็คสุขภาพคุณแม่และอายุครรภ์
สุขภาพของแม่ตั้งครรภ์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ คุณแม่แต่ละคนอาจมีสุขภาพครรภ์แตกต่างกันไป เช่น คุณแม่บางคนอาจมีสุขภาพครรภ์ที่ไม่แข็งแรงมากนัก จนทำให้เสี่ยงแท้งได้ หากเดินทางด้วยรถสาธารณะ ควรเลือกเดินทางด้วยรถ TAXI จะดีกว่ารถเมล์ เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่ต้องระวังก็คือ คุณแม่ต้องมั่นใจว่าตัวเองไม่มีอาการหน้ามืด เป็นลมได้ง่ายๆ ระหว่างเดินทาง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดอย่างที่เคยปรากฏในข่าวร้ายต่างๆ ที่เคยผ่านมาค่ะ
อายุครรภ์ก็มีส่วนสำคัญในการเลือกเดินทาง ในช่วงอายุครรภ์มากๆ (ไตรมาสที่ 3) หากคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องยืนบนรถนานๆ อาจทำให้เท้าบวม และเป็นตะคริวได้ หากไม่มั่นใจว่าจะได้นั่งบนรถ อาจเลือกเดินทางด้วยรถ TAXI
2. เลือกวิธีเดินทางที่ปลอดภัย
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรพิจารณาดูความปลอดภัยเป็นหลัก โดยให้เลือกวิธีการเดินทางที่เสี่ยงน้อยที่สุด แม้จะต้องไปถึงจุดหมายช้ากว่าก็ตาม โดยนอกจากรถสาธารณะแล้ว มีการเดินทางแบบอื่นที่อยากแนะนำให้ระวังดังนี้ค่ะ
มอเตอร์ไซค์
ข้อดีของมอเตอร์ไซค์คือความรวดเร็ว สะดวก แต่ข้อจำกัดคือ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และคุณแม่อาจต้องเกร็งตัวเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มดลูกเกิดอาการเกร็งได้บ่อยๆ จึงไม่แนะนำให้แม่ตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์มากๆ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สำหรับแม่ตั้งครรภ์อ่อนๆ สามารถซ้อนได้ แต่ต้องระวังเรื่องการกระแทกที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการแท้งได้ค่ะ
เครื่องบิน
หากคุณแม่อายุครรภ์มากๆ ต้องขึ้นเครื่องบิน คุณแม่ควรมีใบรับรองจากแพทย์เพื่อยืนยันถึงสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อม และไม่มีความเสี่ยงใกล้คลอด อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว สายการบินมักไม่อนุญาตให้แม่ตั้งครรภ์อายุครรภ์เกิน 7 เดือนขึ้นเครื่อง เพราะความดันภายในเครื่องบินอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และอาจเสี่ยงต่อการคลอดบนเครื่องได้
เรือ
เป็นการเดินทางที่ไม่อยากแนะนำให้แม่ตั้งครรภ์ใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ โดยเฉพาะแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะค่อนข้างลำบากและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการก้าวขึ้นลงจากเรือ และเสี่ยงต่อการเกิดเรือล่ม หากจำเป็นจริงๆ ควรเช็คสิ่งเหล่านี้ให้ดีก่อนค่ะ
- คุณแม่ต้องไม่เป็นคนที่เมาเรือง่าย
- คุณแม่เชี่ยวชาญ ชำนาญการขึ้นลงเรือ
- เรือมีขนาดใหญ่พอที่จะไม่ทำให้เกิดการกระแทกซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
3. เลือกเวลาให้เหมาะสม
ช่วงเวลาการเดินทางก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่แม่ท้องต้องพิจารณาเป็นพิเศษค่ะ โดยคุณแม่ควรเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่คนแน่นๆ แออัด เพราะอาจจะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก และเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ป่วยได้ง่ายด้วยนะคะ หากมีนัดอะไรกับใคร แล้วต้องเดินทางโดยรถสาธารณะ ให้เลือกช่วงเวลาที่คนน้อยๆ จะดีกว่าค่ะ
4. เลือกตำแหน่งที่นั่งบนรถประจำทางให้ดี
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องเดินทางด้วยรถประจำทาง อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตำแหน่งที่นั่งบนรถสักนิด เพื่อความปลอดภัยของลูกในท้องนะคะ
ตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับแม่ตั้งครรภ์ คือช่วงกลางของรถ ติดทางเดิน เพราะเป็นจุดที่เกิดแรงกระแทกน้อยที่สุด และสะดวกในการลุกเดิน ขยับร่างกายมากที่สุดค่ะ
5. ระวังอุบัติเหตุ
ทุกการเดินทาง คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องมีสติและระวังการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด โดยให้ปฏิบัติดังนี้ค่ะ
- ระวังเรื่องการขึ้น ลงพาหนะต่างๆ หากขึ้นรถหรือลงรถ ต้องรอให้รถจอดสนิทก่อน
- หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ต้องระวังเรื่องการขึ้นลงบันไดเลื่อน
- หากเดินทางโดยรถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ
- หากเดินทางโดยรอมอเตอร์ไซต์ต้องใส่หมวกกันน็อค
- เช็คสุขภาพของตัวเองให้แน่ใจก่อนเดินทางทุกครั้งค่ะ
คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น สติและการระมัดระวังตัวเสมอจะช่วยให้แม่ตั้งครรภ์ปลอดภัยมากขึ้นได้ ก่อนเดินทาง อย่าลืมเช็คตามข้อมูลที่เราเอามาฝากกันวันนี้ คุณแม่และทารกในครรภ์จะได้เดินทางปลอดภัยกันนะคะ