ปัจจุบันความเชื่อเรื่องฤกษ์งามยามดีเข้ามามีบทบาทต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เห็นได้จากการที่คุณแม่ตั้งครรภ์นิยมผ่าคลอดกันมากยิ่งขึ้น ตามฤกษ์งามยามดีที่ซินแสหรือหมอดูระบุมา แต่ไม่ว่าจะเป็นการผ่าคลอดตามฤกษ์ หรือเป็นการผ่าคลอดจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เมื่อเปรียบเทียบกับการคลอดธรรมชาติแล้ว ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ก่อนจะตัดสินใจ Happy Mom.Life มีข้อมูลในเรื่องนี้มาฝากคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกท่าน
เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์เลือกวิธีการผ่าคลอดมาจากหลายปัจจัย นอกจากเรื่องฤกษ์ดีแล้ว คุณแม่จำนวนไม่น้อยกลัวความเจ็บปวดจากการคลอดธรรมชาติ หรือบางคนอาจจะไม่อยากให้ช่องคลอดฉีกขาด เลยอยากคลอดโดยใช้วิธีการผ่าคลอดมากกว่า ซึ่งไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
ข้อดี-ข้อเสีย
การคลอดธรรมชาติ VS การผ่าคลอด
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในการคลอดธรรมชาตินั้น จะไม่สามารถกำหนดเวลาคลอดได้ ต้องรอเวลาปากมดลูกเปิด ซึ่งอาจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ข้อดีของการคลอดธรรมชาตินี้ คือ ขนาดแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว จะเจ็บตอนมดลูกบีบตัว เจ็บตอนเบ่ง แต่เมื่อคลอดแล้วสามารถจะลุกขึ้นเดิน เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เลย
ส่วนการผ่าคลอดนั้น นอกจากข้อดีที่สามารถกำหนดเวลาคลอดตามฤกษ์ได้แล้ว การผ่าคลอดยังมีเรื่องให้คุณแม่ต้องครรภ์ต้องทำความเข้าใจ ดังนี้
1. คุณแม่จะมีแผลที่หน้าท้องจากการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันจะเห็นเป็นแนวบิกินี่ไลน์ ซึ่งต้องมีความกว้างมากพอให้ศีรษะทารกผ่านได้ โดยปกติจะอยู่ที่ 12-15 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์
2. เสี่ยงแพ้ยา เนื่องจากเป็นการผ่าตัดจะต้องมีการดมยาสลบ โดยส่วนใหญ่ใช้การบล็อกหลังให้กับคุณแม่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการบล็อกหลังนั้นจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาได้
3. ทารกเสี่ยงภาวะหายใจเร็ว เพราะการผ่าคลอดนั้นจะไม่มีการหดรัดตัวของช่องคลอด ทำให้ไม่สามารถรีดน้ำในช่องอกของทารกได้เหมือนอย่างการคลอดผ่านทางช่องคลอด ซึ่งในช่องอกของทารกนั้นจะมีน้ำอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้บางรายอาจมีภาวะหายใจเร็วหลังคลอดได้
4. คุณแม่ต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า
5. คุณแม่บางท่านที่รู้สึกเจ็บแผลอยู่ อาจจะทำให้ไม่อยากเลี้ยงลูก ส่งผลให้การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก เมื่อลูกออกมาลืมตาดูโลกนั้นเป็นไปได้ช้า
อยากผ่าคลอดตามฤกษ์ ทำได้ในกรณีใดบ้าง ?
อัตราการผ่าคลอดในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น แม้จะพบว่าการผ่าคลอดนั้นมีข้อเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ยังคงเลือกใช้บริการซินแสหรือหมอดู เชื่อเรื่องฤกษ์พานาที ไม่ได้คำนึงถึงความสมบูรณ์ของอายุครรภ์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ส่งผลดีต่อทารกในครรภ์
ทางการแพทย์มีข้อบ่งชี้ว่าการผ่าคลอดต้องมีอายุครรภ์ครบ 39 สัปดาห์
นอกจากอายุครรภ์ที่ครบ 39 สัปดาห์แล้ว ในทางการแพทย์ยังมีอีกหลายข้อบ่งชี้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องผ่าคลอด ดังนี้
1. คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะรกเกาะต่ำ
2. เด็กมีขนาดตัวใหญ่ ไม่สัมพันธ์กับอุ้งเชิงกรานของแม่
3. คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
ในความเป็นจริงแล้วความเชื่อเรื่องฤกษ์ดีเป็นความเชื่อส่วนบุคคล การที่คุณแม่เลือกผ่าคลอดตามฤกษ์ดีเพราะเชื่อว่าจะทำให้เด็กที่เกิดมามีชะตาชีวิตที่ดี แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับการอบรมสั่งสอนและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ รวมถึงสภาพแวดล้อม ที่จะมีอิทธิพลและส่งผลต่อชีวิตของลูกในอนาคต
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/