ในยุคนี้ คุณพ่อคุณแม่หลายคนนึกอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนที่ค่าเทอมค่อนข้างสูง เพราะคาดหวังให้เขาได้มีความรู้ที่ดี สังคมที่ดี เพื่อต่อยอดให้ลูกประสบความสำเร็จได้ แต่ปัญหาหลักๆ ก็คือ “ค่าเทอม” ที่อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่พากันเหนื่อยใจ (แม้ไม่ใช่ทุกโรงเรียนที่ค่าเทอมสูงแล้วจะดี และไม่ใช่ทุกโรงเรียนที่ค่าเทอมราคากลางๆ จะคุณภาพแย่ แต่หลายๆ โรงเรียนที่มีชื่อเสียง ก็มักมาพร้อมค่าเทอมที่แพงใช่ไหมล่ะคะ) Happy Mom.Life จึงรวบรวมวิธีการเก็บออมเงินเพื่อส่งลูกเรียนมาฝาก เผื่อให้คุณพ่อคุณแม่ลองเอาไปปรับใช้ดูค่ะ
1. เลือกโรงเรียนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณพ่อคุณแม่หลายคนเลือกวางแผนเรื่องโรงเรียนของลูกไว้ตั้งแต่ลูกยังไม่เกิด หรือบางคนก็ตั้งแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ เพราะถือว่า ถึงแม้สุดท้ายจะไม่มีลูก แต่เงินที่ออมไว้ก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
หากคุณตั้งใจจะมีลูกจริงๆ เราแนะนำให้คุณวางแผนกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลยว่า อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนแบบไหน จะเป็นโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ หรือโรงเรียนทางเลือกอื่นๆ ก็แล้วแต่มุมมองและความสามารถในการหาเงินและเก็บออมของครอบครัว อย่างน้อย เราก็จะได้รู้คร่าวๆ ว่า เราควรเตรียมเงินเท่าไหร่ และต้องวางแผนการหาเงินอย่างไรให้ได้ถึงตามเป้า โดยคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยกันหาข้อมูล และจดบันทึกเป็นตารางเปรียบเทียบเอาไว้ช่วยในการตัดสินใจ
**ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบโรงเรียน (ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
โรงเรียน | ค่าเทอม(ปรับเงินเฟ้อ 3% ต่อปี) | เงินเก็บต่อเดือน | หมายเหตุ |
อนุบาลเรียนแล้วรวย | 80,000 | 3,809 |
|
อนุบาลธรรมดาแต่เริ่ด | 50,000 | 2,380 |
|
โรงเรียนนานาชาติรวยเวอร์ | 500,000 | 23,810 |
|
ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยกันทำ
การทำตารางเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่อาจออกแบบตารางให้แตกต่างไปจากนี้ก็ได้นะคะ และอย่าลืมคำนวนค่าใช้จ่ายโดยบวกค่าเงินเฟ้อ 3% ต่อปีขึ้นไปด้วย แม้ว่าเงินเฟ้อจะไม่ได้ขึ้น 3% ต่อปีสม่ำเสมอ แต่ก็ถือว่าพอจะถัวเฉลี่ยให้เห็นภาพรวมได้ค่ะ
แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากได้ตัวเลขที่ชัดเจนมากกว่านี้ อาจใช้วิธีสืบก่อนว่า โรงเรียนที่เป็นเป้าหมายมีค่าเทอมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ต่อปี และมาคำนวนหาอัตราเงินเฟ้อด้วยตัวเองก็ได้นะคะ และนอกเหนือจากค่าเทอมของลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมคำนวนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย เช่น ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเดินทาง และค่ากินอยู่ของลูกรวมเข้าไปด้วย เพื่อให้เราเห็นเป้าหมายที่แน่นอนว่าเราควรจะเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ค่ะ
2. เลือกการออมเงินที่เหมาะสม
หลังจากเริ่มเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญคือขั้นตอนการเก็บออมเงินเพื่อลูก คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเลือกเก็บเงินใส่บัญชีฝากประจำเพื่อให้ได้ความมั่นใจ แม้ดอกเบี้ยจะไม่มากนัก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ อยากเก็บเงินพร้อมกับให้เงินทำงานไปด้วย อาจเลือกแบ่งเงินออกเป็น 3 กอง คือการลงทุนในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว (การออมบางวิธีอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาดีๆ ก่อนนะคะ)
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนจะลงทุนเพื่อให้เงินทำงาน ควรมีเงินเก็บสำรองกรณีฉุกเฉินให้พร้อมก่อนอย่างน้อย 6 เท่าของเงินที่คุณพ่อคุณแม่ใช้จ่ายต่อเดือน และให้ทำประกันเผื่อความเสี่ยงเอาไว้ด้วยก็จะดีที่สุดค่ะ
วิธีที่เรานำมาฝากในวันนี้ เป็นแค่หนึ่งในหลายวิธีที่น่าสนใจ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกนำไปปรับใช้ให้เข้ากับลักษณะครอบครัวของคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือหากใครมีวิธีเก็บออมที่น่าสนใจอยากแนะนำเพื่อนๆ ก็ส่งคำแนะนำมาแบ่งปันกันได้เช่นกันค่ะ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/