ขึ้นชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมอดไม่ได้ที่จะมีความคาดหวังในตัวลูก อาจจะเพราะด้วยความรัก และความห่วงใย กลัวว่าลูกรักจะไม่ประสบความสำเร็จ กลัวว่าลูกจะต้องลำบากเมื่อโตขึ้น แต่อย่าลืมนะคะว่า ความคาดหวังที่มากเกินไปอาจจะทำร้ายลูกรักได้โดยไม่รู้ตัวได้ Happy Mom.Life อยากให้คุณพ่อคุณแม่ฉุกคิดในเรื่องนี้สักนิด เพื่อว่าความหวังดีและความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่มากจนไปทำร้ายลูก ซึ่งอาจทำให้ลูกรักมีสุขภาพจิตแย่ และมีพฤติกรรมในด้านลบ เช่น…

ระวัง! ความหวังของพ่อแม่ อาจสร้างปัญหา และทำลายลูกรักไม่รู้ตัว

ลูกเกิดความเครียดและกดดัน

คุณพ่อคุณแม่ที่คาดหวังในตัวลูกมากๆ อาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและกดดันมากจนเกินไป เช่น คุณพ่อคุณแม่ที่คาดหวังให้ลูกเรียนเก่ง จึงส่งลูกเรียนพิเศษสารพัดจนทำให้ลูกไม่มีเวลาได้พักผ่อน หรือเล่นสนุกตามวัย ผลก็คือลูกทำกิจกรรมมากเกินไปจนเหนื่อยและเกิดความเครียดสะสม ทำให้ร่างกายของลูกอ่อนล้า ไม่เจริญเติบโตได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ลูกเกิดความกดดันว่าจะต้องเรียนให้เก่งตามความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ และอาจเกิดอาการเกลียด กลัวการเรียน หรือการสอบได้ เป็นต้น

ลูกไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง

หากคุณพ่อคุณแม่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าชีวิต เป็นผู้เลือกสิ่งที่คิดว่าดี สิ่งที่คิดว่าใช่ให้ลูกเสมอ ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่เขาชอบจริงๆ ลูกอาจกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองชอบ หรือมีความสุขกับอะไร ทำให้ลูกขาดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิตให้มีความสุขเมื่อเขาโตขึ้น บางกรณี ลูกอาจกลายเป็นคนคิดเองไม่เป็น ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะคุณพ่อคุณแม่คอยคิดและตัดสินใจแทนให้มาเสมอ ซึ่งส่งผลต่ออนาคตของลูกแบบจังๆ เลยล่ะค่ะ

ลูกทนทานความผิดพลาดไม่ได้

ไม่มีลูกคนไหนที่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวัง เมื่อรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่คาดหวังในตัวเขา เขาก็ย่อมอยากพยายามทำให้คุณพ่อคุณแม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการ กลายเป็นการกดดันตัวเองให้พยายามไม่รู้จบ เพื่อแลกมาซึ่งความรักและการยอมรับจากคุณพ่อคุณแม่ เด็กบางคนกดดันตัวเองมากๆ เข้า ก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา ทนทานกับความผิดหวัง หรือผิดพลาดไม่ได้ เพราะคิดเสมอว่าความผิดพลาดของเขานั้นเป็นการทำร้ายคุณพ่อคุณแม่ที่เขารักทเขาจึงเสียใจหนักมากเมื่อเผชิญกับความผิดพลาดนั่นเองค่ะ

ลูกทนทานความผิดพลาดไม่ได้

elements.envato.com

ลูกรู้สึกไม่ไว้วางใจพ่อแม่

คุณพ่อคุณแม่ที่คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป ควบคุมลูกด้วยความกดดัน ใช้ความรักและความหวังดีมาเป็นเครื่องมือในการกดดันลูก อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่ไว้วางใจคุณพ่อคุณแม่ ไม่กล้าที่จะพูดคุยเปิดอกถึงความต้องการของตัวเอง ลูกอาจหันไปปรึกษาเพื่อน คนนอกบ้าน หรืออาจถึงขั้นหันไปพึ่งพาสิ่งเสพติดหรืออบายมุขกลายเป็นเด็กมีปัญหาได้ค่ะ

สร้างนิสัยชอบเปรียบเทียบให้กับลูก

ความคาดหวังที่มากเกินไปอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เผลอเปรียบเทียบลูกรักกับคนอื่นๆ และสร้างนิสัยชอบแข่งขัน ชอบเปรียบเทียบให้กับลูก ทำให้ลูกมองคนอื่นเป็นคู่แข่งตลอดเวลา กดดันตัวเองว่าต้องเป็นผู้ชนะ หรือเก่งกว่าคนอื่นเสมอ แน่นอนว่าหากลูกมีภาวะนี้ เขาจะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน

มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

สุดท้ายเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ เด็กที่ได้รับความกดดันจากความคาดหวังที่มากเกินไป อาจกลายเป็นความเครียดสะสม ส่งผลให้ลูกมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งผลของการเป็นโรคซึมเศร้านั้นสามารถส่งผลลบต่อลูกได้ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ รวมไปถึงอยากเป็นชนวนเหตุของการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้ในที่สุด คุณพ่อคุณแม่จึงอาจต้องระวังเรื่องนี้ให้มากๆ ด้วยค่ะ

อันที่จริง ความคาดหวังไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ และหากคุณพ่อคุณแม่ไม่คาดหวังในตัวลูกเลย ก็อาจมีแนวโน้มว่าลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เป็นคนขาดระเบียบวินัยได้เช่นกัน คุณพ่อคุณแม่จึงอาจต้องพยายามรักษาบาลานซ์ คาดหวังแบบพอดีๆ เพื่อไม่ให้ความคาดหวังนั้นน้อยหรือมากเกินไปจนทำร้ายลูก พยายามให้ความรัก ความเข้าใจ และไม่คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป เลี้ยงลูกให้เป็นคนธรรมดาที่มีความสุข น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

• โรคซึมเศร้าในเด็ก ชวนคุณพ่อคุณแม่เช็คอาการลูกก่อนเกิดปัญหา
• สอนลูก2-6 ขวบให้หาย "ขี้อาย" ลดความเสี่ยงลูกเข้าสังคมไม่ได้จนมีปัญหา
• 5 บุคลิกของเด็กที่เสี่ยงต่อการถูกเพื่อนแกล้ง รีบเปลี่ยนแปลงก่อนลูกมีปัญหาที่โรงเรียน