อีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างความผูกพันแม่และลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นก็คือ ช่วงเวลาก่อนเข้านอน เนื่องจากคลื่นสมองจะผ่อนคลายพิเศษ จิตใต้สำนึกจะเปิดกว้างออกอย่างเต็มที่ และดูดซับรับเอาข้อมูลสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้นเข้าไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคำพูด พฤติกรรม และการกระทำดี ๆ ของแม่ที่มีต่อลูก จะประทับเข้าไปอยู่ในความทรงจำที่ฝังลึกเข้าไปถึงจิตใต้สำนึก และจะจดจำได้ไปตลอดชีวิต

5 กิจกรรมก่อนนอน เสริมพัฒนาการ สานสายใยรักแม่-ลูกผูกพัน

ช่วงเวลาก่อนเข้านอนจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่แม่และลูกจะทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม ที่นอกจากจะสานสายใยรักระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกให้เติบโตขึ้นเป็นคนคุณภาพในอนาคตอีกด้วยHappy Mom.life มีกิจกรรมก่อนนอนมาฝากคุณแม่ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.  เล่านิทาน

จากผลวิจัยพบว่าเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3-8 ขวบ ชื่นชอบการฟังนิทานก่อนนอน โดยเเฉพาะนิทานก่อนนอนที่คุณแม่เป็นคนเล่าให้ฟัง น้ำเสียง อารมณ์ และจังหวะการเล่าของคุณแม่ ช่วยกระตุ้นทักษะการฟัง นำไปสู่การฝึกออกเสียง และกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาให้ดีขึ้นตามลำดับ เพราะในระหว่างที่คุณแม่กำลังเล่านิทานอยู๋นั้น เด็กจะมองที่ปากของคุณแม่และขยับปากตาม และยิ่งถ้าคุณแม่เลือกหนังสือนิทานเป็นหนังสือสัมผัสให้ลูกได้จับ ได้มอง ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นพัฒนากล้ามเนื้อ และการแยกแยะสีด้วยนะคะ การเล่านิทานก่อนนอนไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกเท่านั้น แต่ยังจะทำให้แม่และลูกได้คลุกคลี ใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่และลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย  

แม่และลูกกอ่านนิทานกันก่อนนอน

2.พูดคุย

ปัจจุบันคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน ทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้านควบคู่กันไปด้วย ความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน กลับถึงบ้านคุณแม่ก็อยากพักผ่อนแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่แทนที่คุณแม่จะปิดไฟ พาลูกเข้านอนเลย คุณแม่สามารถใช้ช่วงเวลาก่อนนอนนี้ สร้างความใกล้ชิด สานสายใยรักแม่และลูกผูกพันด้วยการพูดคุยที่จะช่วยเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาที่รุดหน้า กระตุ้นให้ลูกรู้จักการพูดคุยสนทนาโต้ตอบ ไปพร้อม ๆ กันกับเป็นผู้ฟังที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีทักษะการสื่อสารที่ดีเมื่อเติบโตขึ้น รู้แบบนี้แล้วก่อนเข้านอน คุณแม่ควรพูดคุยกับลูก เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ หรือพูดในสิ่งที่ต้องการ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการใช้ภาษาด้วยตัวเองนะคะ

3.ร้องเพลงกล่อม

เสียงเพลงคลาสสิค หรือเพลงช้าฟังสบาย นอกจากจะมีผลต่ออารมณ์คุณแม่ตอนตั้งครรภ์ ช่วยให้จิตใจของคุณแม่ได้ผ่อนคลาย แล้ว ยังส่งผลต่อทารกในครรภ์ให้รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย แต่หลังจากที่คุณแม่คลอดเบบี๋แล้ว เสียงเพลงหรือเสียงกล่อมของคุณแม่ที่ลูกเคยฟังตั้งแต่อยู่ในท้องก็ยังจำเป็นนะคะ เพราะช่วยให้ลูกนอนหลับสบายและหลับสนิท ยิ่งลูกหลับสนิทเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีกับร่างกาย อารมณ์ และสมองมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยังมีงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศระบุว่า การร้องเพลงกล่อมลูกจะช่วยให้ระบบหัวใจและระบบหายใจทำงานของทารกดีขึ้นอีกด้วยนะคะ ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาก่อนนอน คุณแม่อย่าลืมมาเพิ่มความใกล้ชิด ความผูกพัน คลายอารมณ์ให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายขึ้นด้วยเสียงเพลงกันนะคะ

ลูกชอบฟังเพลงมาตั้งแต่อยู่ในท้อง

4.วาดภาพระบายสี

การที่คุณแม่ได้ทำกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกับลูก นอกจากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่และลูกแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกไปด้วยในตัวนะคะ โดยคุณแม่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยปลูกฝังความเป็นคนช่างคิด ช่างจินตนาการของลูก ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ด้วยการให้ลูกวาดภาพระบายสี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมให้ลูกได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ โดยก่อนช่วงเวลาเข้านอน คุณแม่อาจจะชวนลูกมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วาดภาพระบายสี ขณะที่คุณแม่จะคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ หรือร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะไปด้วยกัน ซึ่งมีผลดีช่วยให้ลูกได้ผ่อนคลายสมองก่อนล้มตัวลงบนเตียงนั่นเอง

5.กอดบอกรัก

การกอด หอม สร้างสัมผัสที่อบอุ่น และบอกรักลูก เป็นอีกหนึ่งวิธีในการสานสัมพันธ์ในครอบครัวที่วิเศษมากเลยนะคะ การแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ มีความหมายที่สำคัญกับเด็กอย่างมากทีเดียว ซึ่งคุณแม่บางท่านอาจจจะแสดงความรักเป็นประจำในทุกโอกาสอยู่แล้ว ขณะที่คุณแม่บางท่านเลือกช่วงเวลาแสดงความรักก่อนส่งพวกเขาไปโรงเรียน แต่ถ้าจะให้ดี อีกหนึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือก่อนเข้านอน เพราะสัมผัสที่อบอุ่น พร้อมกระซิบเบา ๆ เพื่อบอกว่าแม่รักลูกนะคะ เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน และหอมแก้มลูกเบา ๆ จะทำให้ลูกได้จดจำและหลับไปพร้อมกับความรู้สึกดี ๆ ตื่นขึ้นมาพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใสและเป็นสุขนะคะ

สัมผัสรักจากแม่

ทั้งหมดนี้กิจกรรมก่อนนอน ที่นอกจากจะเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกแล้ว ยังเป็นการสานสายใยรักแม่และลูก ให้ผูกพันและแนบแน่นยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ ไม่เพียงเท่านั้นการที่ลูกได้รับสัมผัสที่อบอุ่น เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจากคุณแม่ จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นโดยไม่รู้สึกขาดและพร้อมจะส่งต่อความรักนี้ไปสู่คนรอบข้างอีกด้วยนะคะ