สังคมทุกวันนี้มีคนไม่ดีปนอยู่มากมาย จนคุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกังวลว่าจะเกิดอันตรายกับลูกรักของเราเข้าสักวันหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาแก๊งลักเด็ก หรือเด็กหาย ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง บางกรณีเด็กหายไปนานนับสิบปี สร้างความทุกข์ใจให้แก่คุณพ่อคุณแม่อย่างหนัก เพื่อเป็นการป้องกันปัญหา ไม่ให้ลูกรักของเราต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ คุณพ่อคุณแม่จึงอาจต้องมองหาวิธีป้องกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ Happy Mom.Life จึงขอรวบรวมเทคนิคในการป้องกันลูกจากคนแปลกหน้าที่อาจจ้องจะลักพาตัวเด็กมาฝากค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองนำไปปรับใช้กับลูกน้อยของคุณดูนะคะ

freakingnews.com

ปัญหาเด็กหายยังเป็นเรื่องใหญ่ที่แก้ไม่ได้ในสังคม การสร้างภูมิต้านทานให้เด็กๆ ปกป้องตัวเองจากมิจฉาชีพ จึงเป็นวิธีที่สามารถช่วยเด็กๆ เอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง

1. ตั้ง password ระหว่างคุณกับลูก

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี คือคุณกับลูกอาจมีการตั้งโค้ทลับระหว่างกันเอาไว้ โดยตกลงกันว่า หากมีใครมาชวนไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนที่เคยเห็นหน้าก็ตาม ต้องให้คนนั้นบอก password ให้ถูกต้องก่อนจึงจะยินยอมไปกับเขาได้ เพราะในปัจจุบันนี้ แม้แต่คนที่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ก็อาจเป็นมิจฉาชีพลักพาตัวเด็กไปทำมิดีมิร้ายได้เหมือนกันค่ะ

2. ใช้นิทานช่วยสอน

การสื่อสารกับเด็กๆ ที่ดีคือการสื่อสารผ่านนิทาน เพราะนอกจากเด็กๆ จะสนใจแล้ว การสื่อผ่านนิทานยังช่วยลดความรุนแรงลงได้ด้วย จึงไม่กระทบต่อจิตใจของเด็กๆ มากเกินไป นอกจากการเล่านิทานแล้ว อาจจะใช้เกมการเล่นสมมติเป็นตัวช่วยด้วยก็ได้ค่ะ

ใช้นิทานช่วยสอน

3. ให้ลูกท่องจำชื่อ นามสกุล และเบอร์โทร.ของพ่อแม่ให้ขึ้นใจ

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กๆ พูดชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างถูกต้อง หรือหากเด็กเล็กมา ก็ให้เขียนเป็นกระดาษใส่กระเป๋าของเด็กๆ เอาไว้ เผื่อในกรณีฉุกเฉินที่เด็กๆ พลัดหลงจากพ่อแม่ หรือถูกแก๊งลักเด็กพาตัวไปแล้วมีคนช่วยเอาไว้ได้ เด็กๆ จะได้สามารถติดต่อคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ

4. ฝึกลูกให้ช่างสังเกต

การเป็นคนช่างสังเกตจะช่วยเด็กๆ ไว้ได้ในกรณีที่เด็กๆ อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นสอนให้เด็กๆ สังเกตสิ่งรอบข้างว่ากำลังอยู่ที่ไหน สังเกตคนใส่เครื่องแบบตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ เป็นต้น โดยในเวลาว่างๆ คุณพ่อคุณแม่อาจชวนเด็กๆ เล่นสำรวจสิ่งรอบกาย เพื่อฝึกการช่างสังเกตได้ค่ะ

5. สอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธ

เด็กๆ บางคนไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่ เพราะกลัว เกรงใจ หรือไม่มั่นใจ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสอนให้เด็กๆ กล้าที่จะปฏิเสธบ้าง เช่น หากมี่คนแปลกหน้ามาชวนไปซื้อขนม หรือขอเดินทางไปด้วย เด็กๆ ต้องกล้าที่จะปฏิเสธ และหนีเพื่อเอาตัวรอด ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จ้องจะลักพาตัวเด็กค่ะ

อย่าให้ลูกรับของจากคนแปลกหน้า

6. สอนวิธีการแก้ปัญหาในยามฉุกเฉิน

แม้ว่าบางเหตุการณ์จะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ที่เรารักได้ทุกเมื่อ จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากคุณพ่อคุณแม่จะสอนวิธีการเอาตัวรอดในยามฉุกเฉินให้เด็กๆ เอาไว้บ้าง เช่นสอนให้เขารู้ว่า หากมีคนแปลกหน้ามาชวนไปไหน ให้ปฏิเสธดังๆ แล้วรีบวิ่งหนี หรือสอนให้เด็กๆ รู้จักสถานที่ปลอดภัยในยามเกิดเหตุการณ์คับขัน สอนให้เด็กๆ รู้จักหาวิธีติดต่อคุณพ่อคุณแม่ เป็นต้น

นอกจากวิธีที่เราแนะนำมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องคอยระวัง ด้วยการดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิดด้วยนะคะ เพราะหลายครั้งที่แก๊งลักเด็กซุ่มดูเด็กๆ อยู่ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่นสนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า หรือตลาด และอาศัยจังหวะที่คุณพ่อคุณแม่เผลอเข้าไปล่อลวง ลักพาตัวเด็กๆ ไป เมื่อพาเด็กๆ ไปนอกบ้าน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องมีสติ คอยดูแลเด็กๆ อย่าให้คลาดสายตา หาเป็นเด็กวัยเตาะแตะที่เดินเองได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นจูงเด็ก หรือสายจูงเด็กเป็นตัวช่วยด้วยก็ได้ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยค่ะ