เมื่อคุณแม่พูดถึง "การบ้าน" เชื่อว่าลูกคงส่ายหน้าหนีหรือมีพฤติกรรมอิดออดกันเป็นแถว กลับมาถึงบ้านแล้วก็ห่วงเล่น เป็นเด็กติดเกม จนคุณแม่ต้องเคี่ยวเข็ญกันแทบทุกวันจนเป็นกิจวัตร แบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะการทำการบ้านนอกจากจะเป็นการทบทวนความรู้จากโรงเรียนแล้ว ยังเป็นการฝึกในรื่องของความรับผิดชอบของลูกด้วย แต่ถ้าหากว่าลูกไม่ยอมทำการบ้าน งานนี้คุณแม่ก็เลยต้องมีเทคนิคกันหน่อย Happy Mom.Life มีมาฝากกับ 5 เทคนิคพิชิตใจลูกไม่ยอมทำการบ้านที่รับรองว่าได้ผลชัวร์

ลูกไม่ทำการบ้าน คุณแม่ต้องรู้วิธี

evdekibakicim.com

1.เข้าใจ

คุณแม่หลายท่านอาจจะกำลังวิตกกังวลว่าลูกจะเรียนได้ช้า เรียนไม่เก่ง ไม่ทันเพื่อน จนบางทีก็เผลอหงุดหงิดหรือไม่พอใจที่ลูกไม่ยอมทำการบ้าน อาจเผลอดุว่าหรือว้ากใส่ลูกแรง ๆ กับพฤติกรรมที่ไม่ได้ดั่งใจคุณแม่ใช่ไหมล่ะคะ แต่การจะพิชิตในลูกให้อยากทำการบ้านได้สำเร็จนั้น ต้องเริ่มจากตัวคุณแม่ก่อน ที่จะต้องเข้าใจในความเป็นเด็กที่ติดเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นห้ามหงุดหงิด ตำหนิ หรือดุด่า ควรสงบสติอารมณ์ แล้วค่อยพูดโน้มน้าว “ทำการบ้านเสร็จแล้วค่อยไปเล่นนะลูก” เป็นการกระตุ้นให้ลูกรีบทำการบ้านให้เสร็จจะได้ไปเล่นไว ๆ

2.ใกล้ชิด

คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกทำการบ้านตามลำพัง ในระหว่างที่ลูกทำการบ้านอยู่นั้น คุณแม่ควรอยู่ใกล้ ๆ เพื่อคอยสอน คอยตรวจดูว่าลูกทำการบ้านครบถ้วน ถูกต้อง หากลูกมีคำถามหรือมีข้อสงสัย คุณแม่จะได้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ อีกทั้งการที่คุณแม่อยู่ใกล้ชิดแบบนี้ ยังจะได้สังเกตด้วยว่าลูกทำการบ้านได้ถูกผิดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าลูกทำไม่ได้หรือทำผิดอยู่บ่อยครั้ง ก็อาจจะเป็นได้ว่าตอนอยู่โรงเรียนลูกอาจจะไม่ได้ตั้งเรียน ถ้าเป็นเช่นนี้คุณแม่ก็อาจจะต้องคุมเข้มลูกให้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะค่ะ

ลูกรักเรียนไม่เก่ง คุณแม่เลยต้องคุมเข้มกันหน่อย

hechingerreport.org

3.กระตุ้น

บางทีคุณแม่อาจจะต้องทำข้อตกลงกับลูก เพื่อสร้างแรงจูงใจหรือเพื่อกระตุ้นให้ลูกอยากทำการบ้าน นั่นก็คือการนำสิ่งที่ลูกชอบมาเป็นตัวกระตุ้น “แม่รู้นะว่าลูกอยากดูการ์ตูน ไว้ทำการบ้านเสร็จก่อนเดี๋ยวแม่เปิดให้ดูเลย” หรือ “อยากเล่นเกมก็ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนนะ” แบบนี้รับรองว่าลูกจะต้องรีบกระตือรือร้นทำการบ้านโดยพลันเลยล่ะค่ะ  

4.ชมเชย

เมื่อลูกมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ขยันทำการบ้านให้เสร็จตามที่ตกลงกับคุณแม่ไว้ คุณแม่อาจจะใช้เทคนิคพิชิตใจลูกด้วยคำชมเชยเพื่อให้รู้ว่าคุณแม่ก็ภูมิใจในตัวลูกอยู่ไม่น้อย เช่น “เก่งจังเลยลูก” หรือ “วันนี้ตั้งใจทำการบ้านดีมากลูก” หรือ “แม่ภูมิใจในตัวหนูที่สุด” แต่ไม่ควรพูดจาในด้านลบ ในเชิงตำหนิลูกว่าโง่ ว่าขี้เกียจ ว่าไม่ได้ดั่งใจ เพราะนอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังสะท้อนภาพที่คุณแม่มองลูกว่าเป็นอย่างไรด้วย เมื่อลูกได้ยินบ่อย ๆ ลูกจะเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และมันก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของลูกไปจริง ๆ    

แม่และลูกรักช่วยกันทำการบ้าน

 kidsstoppress.com

5. ฝึกฝน

การจะพิชิตใจให้ลูกอยากทำการบ้านนั้น นอกจากเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณแม่ยังต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการฝึกฝน โดยการจะฝึกให้ลูกสนใจทำการบ้านนั้นอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย งานนี้คุณแม่ต้องอดทนและไม่ใจอ่อนกับลูกนะคะ เพราะเมื่อลูกได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอจนเป็นกิจวัตร คุณแม่มีการจัดตารางประจำวันที่ชัดเจน เลือกเวลาทำการบ้านที่เหมาะสมให้กับลูก รวมทั้งช่วยลูกวางแผนการทำการบ้านในวันที่มีการบ้านหลายวิชา เชื่อว่าเมื่อลูกได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ลูกก็จะรู้หน้าที่ของตัวเองและมีวินัยในการทำการบ้านได้ไม่ยากค่ะ