เรื่องเศร้าของคู่รักในยุคนี้เรื่องหนึ่ง คงหนีไม่พ้นการที่อีกฝ่ายเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือจนไม่ใส่ใจคู่รักที่อยู่ข้างๆ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็มีคู่รักหลายคู่เลิกรากันไปเพราะปัญหาแฟนติดมือถือกันมานักต่อนัก Happy Mom.Life เข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ที่สามีเอาแต่ติดโทรศัพท์มือถือดีค่ะ เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้ แล้วหาวิธีแก้ปัญหาไปด้วยกันดีกว่านะคะ

อาการติดมือถือหนักๆ อาจเป็นกลุ่มอาการทางจิตประเภทหนึ่งในกลุ่มอาการวิตกกังวลที่เรียกว่า “โนโมโฟเบีย” (Nomophobia) สามีคุณกำลังเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? คุณอาจช่วยเขาได้…

1. อย่าบ่น! เพราะสามีคงไม่อยากอยู่กับหมีกินผึ้ง

มีผู้หญิงหลายคนที่ไม่สามารถสะกดอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงได้ เมื่อเห็นแฟนเอาแต่เล่นมือถือ บางคนจึงใช้วิธีบ่น ต่อว่า ประชด น้อยอกน้อยใจ หนักขึ้นไปอีกคือ ไปเขียนระบายในเฟซบุ๊คให้คนอื่นรับรู้กันทั่ว ซึ่งเราขอบอกว่า วิธีเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษล้วนๆ เพราะเราไม่อาจทำให้ใครหันมาสนใจเราอย่างเต็มใจได้ด้วยการบังคับหรือเหวี่ยงอารมณ์แรงๆ เข้าใส่ มีแต่จะทำให้เขารำคาญหนัก แล้วหนีไปเล่นมือถือในโลกส่วนตัวมากขึ้นไปอีก เราต้องใช้วิธีที่แนบเนียนกว่านั้น

2. สังเกต พูดคุย แต่ห้ามเช็คโทรศัพท์

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนเราเอาแต่ก้มมองจอโทรศัพท์ ผู้ชายบางคนอาจติดเกม บางคนติดเล่นเฟซบุ๊ค บางคนติดคุยแชทกับเพื่อน หรือชอบเข้าเว็บดูผลบอลไปเรื่อย คุณอาจลองสังเกตดูว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาติดมือถือกันแน่ จะได้เข้าใจ และหาทางแก้ได้ถูกจุด อ้อ! แต่อย่าแย่งมือถือเขามาเช็คเด็ดขาดนะคะ เพราะสำหรับผู้ชายบางคน นี่คือพฤติกรรมงี่เง่าที่ยิ่งทำให้เขาเบื่อหน่ายเรามากขึ้นไปอีก

สังเกต พูดคุย แต่ห้ามเช็คโทรศัพท์

3. เปิดใจใช้เหตุผล คุยกันแบบแมนแมน

คุณอาจต้องพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาและละมุนละม่อม เช่น อาจจะเตือนเขาว่า การติดมือถือมากไปส่งผลให้เกิดนิ้วล็อค หลังค่อม การเล่นเฟซบุ๊คมากไปอาจทำให้สุขภาพจิตเสีย และคุณก็เริ่มเป็นห่วงสุขภาพของเขา หรืออธิบายให้เขาฟังว่า คนเรามีเวลานอน 8 ชั่วโมง ทำงาน 8 ชั่วโมง เดินทางอีก 2 ชั่วโมง เท่ากับว่าเรามีเวลาที่เป็นของเราสองคน แค่วันละไม่เกิน 6 ชั่วโมงเท่านั้น คุณขอแบ่งเวลาตรงนี้จากเขาให้มาเป็น “เวลาของเรา” บ้างจะได้ไหม พูดขนาดนี้ สามีต้องเข้าใจเราบ้างล่ะน่า!

4. ตั้งกฎของครอบครัว

สำหรับบางครอบครัวที่ไม่รู้สึกอึดอัดการกับมีกฎต่างๆ ภายในบ้าน คุณอาจใช้วิธีนี้ในการบริหารความสัมพันธ์ก็ได้นะคะ เช่น คุณอาจตกลงกันว่า เราสองคนจะไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ 1 ชั่วโมงก่อนนอน หรือเวลากินข้าวด้วยกันต้องเอามือถือเก็บไว้ไกลๆ เพื่อที่จะได้คุยกันอย่างเต็มที่ แต่วิธีนี้ ใช้ได้กับครอบครัวที่พร้อมเปิดใจรับกฎต่างๆ และต้องเป็นการยอมรับ เห็นด้วยกับกฎนั้นทั้งสองฝ่ายด้วยนะคะ

5. ให้กิจกรรมสนุกๆ ช่วยบำบัด

ลองทบทวนดูว่า คุณสองคนไม่มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันมานานแล้วหรือเปล่า เพราะบางทีการติดมือถือก็อาจเกิดจากความรู้สึกเบื่อหน่ายกิจกรรมในโลกความจริง ลองคิดดูว่า คุณเคยชอบอะไรเหมือนกัน แล้วชวนกันไปทำกิจกรรมนั้นๆ เช่น เคยชอบไปเที่ยวด้วยกัน ชอบทำอาหารด้วยกัน ชอบปลูกต้นไม้ด้วยกัน หรือชอบทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงด้วยกัน! กิจกรรมเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณสองคนหันมามีเวลาร่วมกันมากขึ้น และอาจจะดึงสามีจากโลกโซเชียลได้ค่ะ

6. ทำตัวเป็นภรรยาน่ารัก จนสามีอยากพักจอ

หากลองพยายามมองให้กว้างๆ อีกเหตุผลที่ทำให้สามีติดโทรศัพท์มือถือ ก็คือภรรยาไม่สามารถทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะคุยด้วยได้! บางทีคุณอาจขี้บ่นมากเกินไป ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากเกิน ชวนทะเลาะบ่อยเกินไป หรืออาจเอาแต่เล่าปัญหาเครียดๆ ของคุณให้สามีฟังจนเบื่อ คุณลองปรับตัวเองใหม่ ทำตัวให้เป็นคนที่น่าสนใจ น่าอยู่ใกล้ มีประเด็นสร้างสรรค์สนุกๆ มาคุยกันซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่าคุยด้วย และอาจทำให้สามีอยากเงยหน้าจากมือถือมาคุยกับคุณมากขึ้นก็ได้

7. เปิดประเด็นด้วยการทักแชท

ถ้าสามีติดแชทหนักๆ มากนัก คุณอาจทักแชทไปคุยกับเขาเลย ส่งคำหวาน ส่งสติ๊กเกอร์ให้กันไปมา อาจเป็นการเปิดประเด็นทำให้เขายอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับคุณมากขึ้นก็ได้นะคะ หรือหากเจอคลิปดีๆ ที่น่าสนใจ ลองส่งไปแชร์ให้เขาดูและชวนเขาคุย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่กระตุ้นเตือนว่า คุณมีตัวตนและอยากคุยกับเขานะ เขาอาจจะรู้สึกตัว และหันกลับมาสนใจคุณโดยไม่ต้องทะเลาะกัน

เรื่องติดมือถือจนทำให้คู่รักมีปัญหา ไม่ได้เกิดแค่ในประเทศไทยเท่านั้นนะคะ อันที่จริงเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดกับคู่รักมากมายรอบโลก สิ่งสำคัญคือทั้งสองคนต้องรู้เท่าทันตัวเองและมีสติ คอยเตือนตัวเองว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญกว่าหน้าจอมือถือ Happy Mom.Life เชื่อว่า ความรัก ความเข้าใจเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้สามีร่วมมือกับเรา ในการพักจอมือถือ แล้วมาจับมือเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุขค่ะ