การให้เด็กๆ เลี้ยงสัตว์นั้นมีข้อดีหลายประการเลยนะคะ ทั้งเป็นการสร้างนิสัยอ่อนโยนให้เด็กๆ ฝึกให้มีความรับผิดชอบ และสัตว์เลี้ยงก็สร้างความสุขให้เด็กๆ ได้ด้วย แต่ก่อนให้คุณพ่อคุณแม่จะอนุญาตให้เด็กๆ เลี้ยงสัตว์นั้น Happy Mom.Life คิดว่า เราอาจจะต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนว่า ครอบครัวของเราพร้อมจะรับสมาชิกใหม่แล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาเพราะแม้ว่าสัตว์เหล่านั้นจะพูดไม่ได้ แต่มันก็มีชีวิตจิตใจ และต้องการการเอาใจใส่ไปตลอดชีวิตของมัน 

หากคุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้เด็กๆ เลี้ยงสัตว์โดยไม่พร้อม อาจกลายเป็นให้เด็กๆ ทำบาปโดยไม่รู้ตัวได้นะคะ ดังนั้นเรามาเช็คกันดีกว่า ว่าเด็กๆ พร้อมจะมีสัตว์เลี้ยงของเขาหรือยัง

เด็กกับน้องหมา

1. เช็คอายุและวุฒิภาวะของลูก

ก่อนอื่นเลย คุณพ่อคุณแม่ต้องเช็คดูอายุและวุฒิภาวะของลูกรัก ก่อนว่าพร้อมจะเลี้ยงสัตว์แล้วหรือไม่ โดยให้ดูดังนี้ค่ะ

• เช็คอายุเด็กๆ ให้ดี ปกติแล้ว หากเด็กๆ เลี้ยงสัตว์เอง คุณพ่อคุณแม่ควรรอให้เขาอายุ 10   ขวบขึ้นไปเพราะเด็กโตจะมีความรับผิดชอบดีกว่าเด็กเล็ก แต่หากว่าคุณพ่อคุณแม่เชื่อว่าสามารถช่วยดูแลสัตว์เหล่านั้น โดยให้เด็กๆ ช่วยเลี้ยงในบางส่วนที่พวกเขาทำได้ รวมทั้งเช็คดูแล้ว เด็กๆ มีความอ่อนโยน ใกล้ชิดสัตว์มาตั้งแต่เล็กๆ รู้วิธีการสัมผัส หรือดูแลสัตว์ และมีความรับผิดชอบมากพอก็สามารถให้เด็กๆ เลี้ยงสัตว์ตั้งแต่อายุน้อยได้ค่ะ
• สุขภาพร่างกายของเด็กๆ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้หรือไม่ เด็กบางคนร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่ดี แม้จะเป็นเด็กโตแล้วแต่ก็อาจเป็นภูมิแพ้ อาจไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ที่มีการผลัดขน เป็นต้น
• เด็กๆ มีความอดทน และมีพื้นฐานจิตใจที่เมตตา รักสัตว์หรือไม่ เพราะการเลี้ยงสัตว์ อาจมีบ้างที่พวกเขาจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ที่ไม่ชอบ เช่นการเช็ดอึหรือฉี่ของพวกมัน แต่หากคุณพ่อคุณม่สามารถสอนเด็กโตให้รับผิดชอบตรงนี้ได้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพัฒนาการที่ดีค่ะ

เด็กกับน้องแมว

2. เช็คสถานที่และเวลา

นอกจากการเช็คตัวลูกรักแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้องเช็คสถานที่ที่บ้านก่อนว่า เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์หรือไม่ บางคนอยู่คอนโดซึ่งไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ก็อาจจะต้องพับโครงการนี้ไป หรือใครที่อยู่บ้านซึ่งมีพื้นที่จำกัด อาจต้องเลือกเลี้ยงสัตว์เล็กๆ เช่นสุนัขพันธุ์เล็ก แทนที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่น เป็นต้น

3. เช็คค่าใช้จ่ายในกระเป๋า

การเลี้ยงสัตว์จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่เหมือนกันนะคะ ไหนจะต้อพาไปฉีดยา ค่าสบู่อาบน้ำ ค่าอาหาร ค่าดูแลสุขภาพอื่นๆ ของพวกมันอีก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องมีงบประมาณเอาไว้สำหรับตรงนี้ด้วยพอสมควร หากคิดว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินไป อาจยืดเวลาโครงการเอาไว้ก่อนค่ะ

4. เช็คทัศนคติของคนในบ้าน

การเลี้ยงสัตว์ก็เหมือนการพาสมาชิกใหม่เข้าบ้าน ดังนั้นสมาชิกในบ้านควรจะเห็นด้วยนะคะ หากยังขัดแย้งหรือเห็นไม่ตรงกันอยู่ อาจจะเกิดปัญหาได้ค่ะ ก่อนจะตัดสินใจให้เด็กๆ เลี้ยงสัตว์ ควรขอความคิดเห็นจากสมาชิกในบ้านทุกคนด้วยค่ะ

เด็กกับน้องกระต่าย

5. เช็คข้อมูลสัตว์ที่จะนำมาเลี้ยง

คุณพ่อคุณแม่ควรเช็คข้อมูลของสัตว์ที่จะนำมาเลี้ยงให้ถี่ถ้วน ทั้งนิสัยใจคอ การดูแล ความดุร้าย ธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิด และแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันมาก หากนำมาเลี้ยงไม่เหมาะสม อาจจะก่อปัญหาในภายหลังได้เช่นกันค่ะ

การเลี้ยงสัตว์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหากตัดสินใจเราเลี้ยงแล้ว ย่อมแปลว่าเราต้องดูแลเขาไปทั้งชีวิต ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ จึงต้องคิดทบทนให้ถี่ถ้วนก่อน แต่เชื่อว่า หากเราพร้อมและเลี้ยงเขาดีๆ สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็จะช่วยสร้างความสุขให้กับเราได้อย่างแน่นอนค่ะ