ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ การแข่งขันมีค่อนข้างสูงมาก ไม้เว้นแม้แต่กับเด็กเล็กๆ ที่พอเริ่มรู้ความ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมองหาโรงเรียนดีๆ ให้ลูกน้อยได้เรียน (คุณพ่อคุณแม่บางท่านวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่ลูกยังเป็นทารกในท้องด้วยซ้ำ!) 

เรื่องนี้คงจะไม่เป็นปัญหา หากโรงเรียนดีๆ เหล่านั้นมีพื้นที่เพียงพอให้เด็กๆ ได้เข้าเรียนถ้วนหน้ากัน แต่เพราะเก้าอี้ที่จะรับเด็กเข้าเรียนได้มีจำกัด ศึกการสอบเข้า การติวจึงต้องเกิดขึ้น

Happy Mom.Life เข้าใจดีค่ะว่า แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่อยากให้ลูกต้องเคร่งเครียดกับการเรียน บางคนอาจตัดสินใจส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนทางเลือก แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่น ฐานะการเงิน ลักษณะการทำงานของคุณพ่อคุณแม่ สถานที่ตั้งของบ้าน ฯลฯ อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่มีทางเลือกอื่นๆ มากนัก และต้องยอมส่งลูกเข้าสู่ระบบการศึกษาแบบวิชาการซึ่งเท่ากับการต้องส่งลูกเข้าสู่สนามแข่งขันแบบเต็มตัว

ติวลูกเองก็เก่งได้

ทีนี้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกังวล กลัวว่าเมื่อเข้าสู่การแข่งขันแล้ว ลูกจะสู้คนอื่นไม่ได้ จึงยัดเยียดการติวหนังสือแบบหนักหน่วง หรือยอมเสียเงินก้อนใหญ่ๆ ให้ลูกไปเรียนพิเศษ ซึ่งอาจจะไม่ส่งผลดีต่อคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ มากนัก วันนี้เราจึงอยากแนะนำ 5 วิธีเพิ่มสกิลความฉลาดให้ลูกรัก โดยที่อาจไม่ต้องเสียเงินไปเรียนพิเศษก็ได้ มาดูกันค่ะว่ามีวิธีไหนบ้าง

ศึกษาเรื่องทักษะสมองEF

ทักษะสมองEF หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Executive Function เป็นเรื่องใหม่ที่กำลังมาแรงในแวดวงนักวิชาการพัฒนาการเด็ก โดยเชื่อกันว่า หากเด็กๆ ได้รับการพัฒนาให้มีทักษะสมองEF ที่ดีแล้ว เด็กคนนั้นจะประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องการเรียนและการชี้ชีวิต ซึ่งสำคัญมากสำหรับเด็กในยุคแห่งการแข่งขันนี้ และคนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทักษะสมองEF ให้เด็กๆ ได้ ก็คือคุณพ่อคุณแม่นั่นเองค่ะ

อันที่จริงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากคุณพ่อคุณแม่จะลองศึกษาดู เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจในเรื่องทักษะสมองEF และนำไปดูแลพัฒนาลูกรักให้มีทักษะสมองEF ดี ลูกรักก็จะเป็นเด็กฉลาด ไม่เฉพาะด้านการเรียนเท่านั้น แต่รวมไปถึงด้านอื่นๆ และจะติดตัวเด็กๆ ไปทั้งชีวิตเลยค่ะ

สอนลูกอ่านหนังสือความรู้

แม้ว่าในยุคนี้ สื่อสิ่งพิมพ์จะมีจำนวนลดลงจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือมีคนพูดถึงน้อยลง แต่เราก็ยังเชื่อว่า หนังสือเป็นแหล่งขุมทรัพย์แห่งความฉลาดที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามค่ะ 

เด็กๆ จะเรียนเก่งได้นั้น ไม่ใช่แค่มีความจำที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่เด็กๆ จะต้องมีความรู้รอบตัวที่หลากหลาย มีสมาธิในการเรียนที่ดี รู้จักจับใจความ และสรุปความสิ่งต่างๆ เพื่อความเข้าใจ ซึ่งทั้งหมดนั้น หนังสือดีๆ จะมอบให้กับลูกรักของคุณได้

คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มจากการทำให้ลูกรักการอ่านด้วยการหาหนังสือดีๆ และเหมาะสมกับวัย มาช่วยส่งเสริม พัฒนาความรู้ให้เด็กๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เด็กๆ เลือกหนังสือที่เขาชอบต่อไปในอนาคต

เป็นครูให้ลูกเอง

elements.envato.com

เป็นคุณครูให้ลูกเอง

ในส่วนของการสอบเข้า ซึ่งอาจต้องมีการติวข้อสอบกันบ้าง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่สะดวกส่งลูกไปเรียนตามโรงเรียนสอนพิเศษ ก็อาจเลือกเป็นคุณครูติวให้ลูกเองก็ได้ค่ะ

ปัจจุบันนี้มีหนังสือรวมข้อสอบมากมาย บางสำนักพิมพ์ออกแบบมาให้น่ารัก ดึงดูดใจเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกซื้อมาเป็นอุปกรณ์การสอนให้เด็กๆ ได้ ข้อดีของการติวให้ลูกด้วยตัวเอง คือคุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจลูก รู้จุดแข็งจุดด้อยของลูก และมีเวลาในการสอนลูกที่ยืดหยุ่นได้ ทำให้เด็กไม่เคร่งเครียดจนเกินไปค่ะ

เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น

เด็กๆ มักเรียนรู้จากการทำตาม หากคุณพ่อคุณแม่อยากเห็นลูกขยันเรียน ขยันอ่านหนังสือ คุณพ่อคุณแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ได้เห็นก่อนค่ะ หากลูกๆ เห็นคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือบ่อยๆ เด็กๆ ก็จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และกลายเป้ฯคนขยันอ่านหนังสือ ใฝ่หาความรู้ตามคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

ระวังความเครียดของลูกด้วย

สุดท้ายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังให้มากๆ คือความเครียดของลูกค่ะ เพราะอย่างไรก็ตาม ในทางจิตวิทยาและพัฒนาการของเด็กเห็นตรงกันว่า เด็กเล็กไม่ใช่วัยที่เราควรยัดเยียดวิชาการให้มากจนเกินไป เพราะพวกเขาอยู่ในวัยที่ต้องเล่น ต้องพัฒนากล้ามเนื้อและร่างกาย หากคุณพ่อคุณแม่ยัดเยียดมากไป อาจส่งผลต่อความเครียดและสุขภาพจิตของเด็กๆ ได้ ความเครียดของลูกรัก จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษค่ะ

สุดท้ายแล้วแม้ว่าท่ามกลางการแข่งขันที่สูง เด็กๆ อาจจะไม่ได้ไปยืนในตำแหน่งผู้ชนะเสมอไป แต่การสอนให้เด็กๆ รู้จักความพ่ายแพ้บ้าง รู้จักความผิดหวังและเรียนรู้ว่าแม้ว่าพวกเขาจะทำพลาด คุณพ่อคุณแม่ก็จะอยู่เคียงข้างและให้ความรักเขาเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ

การเรียนในโรงเรียนดีๆ อาจจะเพิ่มโอกาสให้เด็กๆ ได้จริง แต่จะมีประโยชน์อะไร หากระหว่างทาง เด็กๆ ต้องเผชิญกับความทุกข์ และความรู้สึกด้อยคุณค่าทางจิตใจจริงไหมคะ Happy Mom.Life ขอเชียร์ให้คุณพ่อคุณแม่หาจุดตรงกลางให้เจอ และพาลูกน้อยเดินไปได้อย่างมีความสุขตลอดเส้นทางค่ะ