การเดินทางโดยรถยนต์เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับครอบครัวในยุคนี้ และความปลอดภัยระหว่างเดินทาง ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ นั้น รถยนต์โดยส่วนมากได้ออกแบบระบบป้องกันภัยเอาไว้ให้แล้ว ทั้งถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัย แต่ทว่า อุปกรณ์ป้องกันเหล่านั้น ไม่ได้ถูกออกมามาเพื่อปกป้องครอบคลุมไปถึงลูกน้อยของเรา เราจึงต้องมีคาร์ซีท เป็นอุปกรณ์เสริม เพื่อให้ลูกน้อยของเราร่วมเดินทางไปได้อย่างปลอดภัยค่ะ
ให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทจนเป็นนิสัย
elements.envato.com
ทำไมต้องใช้คาร์ซีท
มีคุณพ่อคุณแม่บางท่านยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีท โดยคิดเอาว่า การอุ้มเด็กเล็กไว้ในอ้อมกอดขณะนั่งรถนั้นปลอดภัยที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดนะคะ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุจริงๆ แล้ว แรงเหวี่ยงจะทำให้ลูกน้อยหลุดมือคุณไปได้อย่างง่ายดาย หรือหากคุณคาดเข็มแข็ดนิรภัยให้เด็กเล็ก ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกน้อยของคุณประสบอุบัติเหตุถึงขั้นคอขาดได้เลยทีเดียว!
ในหลายๆ ประเทศ มีการออกกฎบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของประชากรเด็กในประเทศ คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการซื้อคาร์ซีทมาใช้มากขึ้น แต่หลายๆ ท่านก็ยังงุนงง ไม่รู้ว่าควรเลือกซื้อคาร์ซีทแบบไหนดี วันนี้ Happy Mom.Life ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของคาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กแต่ละวัย หรือแต่ละช่วยน้ำหนักมาฝากแล้วค่ะ
ให้ลูกปลอดภัยด้วยคาร์ซีท
elements.envato.com
คาร์ซีทมีแบบไหนบ้างนะ?
คาร์ซีทถูกแบ่งออกเป็นหลายแบบ ขึ้นอยู่กับประโยชน์การใช้งาน และสรีระของเด็กแต่ละคน โดยตัวอย่างประเภทของคาร์ซีท มีดังนี้ค่ะ
คาร์ซีทแบบหันหลัง (rear facing)
คาร์ซีทแบบนั่งหันหลังนั้น เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงประมาณ 2 ขวบ โดยเป็นคาร์ซีทที่ติดตั้งแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถ โดยข้อดีของคาร์ซีทแบบหันหลังคือ ช่วยปกป้องกระดูกคอ ศีรษะ และลำตัวให้ลูกน้อยได้ เนื่องจากเบาะจะช่วยกระจายแรงกระแทกให้ลูกน้อยของคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุค่ะ คาร์ซีทแบบที่ติดตั้งแบบหันหลังได้ มีอยู่ 2 แบบ คือ
คาร์ซีทสำหรับทารก (infant car seat)
มักถูกออกแบบให้ถอดออกทั้งชุด สามารถอุ้มลูกน้อยในคาร์ซีทไปไหนมาไหนได้ และสามารถดัดแปลงเป็นเปลโยกได้ เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายลูกน้อยที่กำลังหลับสบายอยู่ในรถ โดยไม่ต้องปลุกให้ตื่น
คาร์ซีทสำหรับทารก
elements.envato.com
คาร์ซีทแบบหมุนได้ (convertible seat)
เป็นคาร์ซีทที่ออกแบบให้หมุนได้ เหมาะสำหรับลูกน้อยแรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 36 กิโลกรัม โดยหากลูกน้อยน้ำหนักไม่ถึง 16 กิโลกรัม ให้ติดตั้งแบบหันหลัง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นแบบหันหน้า ข้อดีคือช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเงิน แต่ข้อเสียคือ คาร์ซีทรุ่นนี้มักมีขนาดใหญ่เทอะทะสำหรับเด็กแรกเกิด อาจต้องหาอะไรมาช่วยประคองให้อยู่ในท่าที่สบายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กุมารแพทย์ของอเมริกาแนะนำว่า เด็กๆ ควรนั่งคาร์ซีทแบบหันหลังไปจนกระทั่งอายุ 2 ปี หรือน้ำหนักเกิน 16 กิโลกรัม และในปัจจุบันนี้ แนะนำว่า ควรให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทแบบหันหลังให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือจนกว่าตัวลูกจะใหญ่เกินเบาะนั่นเองค่ะ
คาร์ซีทแบบหันหน้า (forward facing)
เมื่อถึงวัยที่ลูกน้อยโตพอที่จะนั่งหันไปทางด้านหน้ารถแล้ว (ประมาณ 2 ขวบขึ้นไป) คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกซื้อคาร์ซีทแบบหันหน้าให้ลูกลองใช้ โดยเลือกคาร์ซีทแบบหันหน้าตามส่วนสูงและน้ำหนักของลูกน้อยค่ะ
คาร์ซีทบูสเตอร์ (Booster)
เหมาะสำหรับเด็กประมาณ 3 ขวบ หรือน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมขึ้นไป เมื่อไหล่ของลูกน้อยเริ่มสูงกว่าคาร์ซีทอันเก่า หรือสายรัดอันเก่าไม่สามารถรัดตัวลูกน้อยได้อีกต่อไป คาร์ซีทบูสเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ คาร์ซีทบูสเตอร์แบบที่มีพนักพิงหลัง ช่วยประคองตัวลูกน้อย และคาร์ซีทบูสเตอร์แบบไม่มีพนักพิง เหมาะสำหรับเด็กที่ประคองตัวเองได้แล้ว
คาร์ซีทแบบหันหน้า
elements.envato.com
เคล็ดลับการเลือกคาร์ซีท
นอกจากการเลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับเด็กแล้ว ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
การเลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับเด็กๆ อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ลูกที่คุณรัก Happy Mom.Life หวังว่า ข้อมูลที่เรารวบรวมมาฝากวันนี้ น่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และลูกน้อยค่ะ
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/