แปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เราใช้ทุกวัน แต่เราอาจจะมองข้ามมันไปเป็นเห็นเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มารู้ตัวอีกที อื้อหือ! นี่เราใช้แปรงแสนสกปรกแปรงฟันในปากเราอยู่นี่นา Happy Mom.Life อยากเชิญชวนคุณมาใส่ใจในการดูแลทำความสะอาดแปรงสีฟัน เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้มันกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่ทำให้เราป่วย และเพื่อสุขภาพของคุณ และทุกคนในครอบครัวด้วยค่ะ
ดูแลแปรงสีฟัน เพื่อสุขภาพของลูก
หากคุณสังเกตแปรงสีฟันให้ดีๆ อาจจะต้องตกใจที่แปรงสีฟันของคุณตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเหลือง หรือคราบดำอันเป็นสัญญาณให้คุณเปลี่ยนแปรงสีฟัน หรือทำความสะอาดแปรงสีฟันนั้นได้แล้ว เพราะคราบอาหารและยาสีฟันที่ตกอยู่บนแปรงจะเป็นแหล่งอาหารของเชื้อโรคชั้นดีเลยล่ะค่ะ มาดูพร้อมกันค่ะ ว่าเราจะต้องดูแลทำความสะอาดแปรงสีฟันของเราอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้ค่ะ
1. ทำความสะอาดแปรงสีฟันให้ถูกวิธี
หลังแปรงฟันทุกครั้ง แนะนำให้ล้างทำความสะอาดแปรงสีฟันด้วยน้ำประปา โดยให้ดูว่าล้างสะอาด ไม่เหลือยาสีฟันและคราบอาหารบนแปรง จากนั้นให้สะบัดน้ำออกก่อนจะเอาเข้าเก็บ
2. เสียบแปรงสีฟันให้ถูกวิธี
ควรเลือกเก็บยาสีฟันโดยเสียบในแนวตั้ง ให้ด้านขนแปรงอยู่ข้างบนเสมอ และไม่ควรเก็บแปรงสีฟันรวมกันหลายๆ อัน เพราะอาจจะทำให้เชื้อโรคติดกันได้ ควรเลือกที่เสียบแปรงสีฟันที่มีช่องส่วนตัวของแต่ละคนโดยเฉพาะจะดีกว่าค่ะ
3. เก็บแปรงสีฟันในที่ที่อากาศถ่ายเท
คุณควรเลือกเก็บแปรงสีฟันในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บแปรงสีฟันที่ยังไม่แห้งดีในปลอกปิด หรือกระเป๋าพลาสติก เพราะแบคทีเรียจะเจริญได้ดีในที่ชื้น นอกจากนี้ พยายามเก็บแปรงสีฟันให้อยู่ไกลจากโถส้วมให้มากที่สุด
5. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 2-3 เดือน
โดยปกติแล้ว ทันตแพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 2-3 เดือน ยกเว้นแต่ว่า คุณป่วยเป็นหวัด หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ให้เปลี่ยนแปรงสีฟันทันทีหลังจากหายจากอาการป่วย
6. ฆ่าเชื้อโรคสม่ำเสมอ
ระหว่างที่แปรงสีฟันยังไม่หมดอายุ แนะนำให้คุณหมั่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยอาจใช้วิธีต่อไปนี้ค่ะ
เพื่อสุขอนามัยของคุณและทุกคนในบ้าน แก้ปัญหาเชื้อโรคเกาะแปรงสีฟัน อย่าลืมทำตามคำแนะนำนี้อย่างสม่ำเสมอนะคะ สำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อย อาจต้องคอยช่วยเด็กๆ ดูแลแปรงสีฟันของพวกเขาด้วย ก่อนที่แปรงสีฟันจะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคที่ทำให้เด็กๆ ไม่สบายค่ะ
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/