เป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญที่สุดที่ให้การดูแลและใส่ใจ คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่การดูแลสุขภาพของตนเองและทารกในครรภ์ให้แข็งแรง นับวันรอให้ทารกในครรภ์คลอดออกมาอย่างปลอดภัย แต่นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่แม่ตั้งครรภ์หรือคนท้องยังต้องให้ความสำคัญก็คือเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด ที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งก่อนจะเสียสิทธิไปโดยไม่รู้ตัว Happy Mom.Life รวมข้อมูลสิทธิประโยชน์เรื่องเงินทองของคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอดที่จะต้องได้รับมาฝาก เช็กก่อน รู้ก่อน...เตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่ พลาดไม่ได้เลยนะคะ

เช็กสิทธิประโยชน์ที่คุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอดจะต้องได้รับ

สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม

ค่าคลอดบุตร 13,000 บาท

คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าคลอดบุตรจากสำนักงานประกันสังคมในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อการคลอดบุตร 1 ครั้ง โดยจะต้องเป็นคุณแม่ที่จ่ายเงินสมทบครบ 5 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร

ค่าฝากครรภ์ 1,000 บาท

นอกจากค่าคลอดบุตร 13,000 บาทแล้ว ยังจะได้รับการสนับสนุนค่าตรวจและค่าฝากครรภ์ เพิ่มเติมอีก 1,000 บาท ให้แก่คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตนที่มีการเข้ารับบริการฝากครรภ์ในสถานพยาบาลตามเกณฑ์คุณภาพที่กำหนด

• ครั้งที่ 1 อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตรา 500 บาท
• ครั้งที่ 2 อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์  แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตรา 300 บาท
• ครั้งที่ 3 อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตรา 200 บาท

โดยนำหลักฐานเข้ารับบริการฝากครรภ์จากสถานพยาบาลที่เข้าไปใช้บริการในแต่ละครั้ง ไปยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนในส่วนของค่าตรวจและค่าฝากครรภ์เพิ่มเติม โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตร

เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร 50% ของค่าจ้าง

คุณแม่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเพื่อการคลอดบุตร ในอัตรา 50% ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 90 วัน โดยคำนวณจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท สามารถใช้สิทธิได้สำหรับบุตรคนที่ 1 และ 2 เท่านั้น

เงินสงเคราะห์บุตร 600 บาท

คุณแม่หลังคลอดยังจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาะจ่ายต่อเดือน 600 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าคุณแม่จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทน ทั้งนี้ ต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย (บุตรแท้ ๆ ของตนเอง) ที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน

• สามารถยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ และสำนักงานประกันสังคมจังหวัด

สิทธิประโยชน์ค่าตรวจและค่าฝากครรภ์

สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

สิทธิประโยชน์ในการลาคลอด 90 วัน และเงินชดเชย 45 วัน

ในการลาคลอด 1 ครั้ง คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้สิทธิในการลาคลอดเป็นจำนวน 90 วัน และได้รับรายได้ชดเชยจากนายจ้างเป็นระยะเวลา 45 วัน ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่ตั้งครรภ์มีเงินเดือนอยู่ที่เดือนละ 20,000 บาท ในระหว่างที่ลาคลอด นายจ้างจะต้องจ่ายเงินให้คุณแม่เป็นจำนวนเท่ากับ 45 วัน หรือ 30,000 บาท (คิดจากค่าจ้าง 30 วัน เท่ากับ 20,000 บาท 15 วัน เท่ากับ 10,000 บาท) หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามกฎหมายกำหนด คุณแม่สามารถไปร้องเรียนได้ที่สำนักงานแรงงานจังหวัด กระทรวงแรงงาน

สิทธิประโยชน์จากรัฐบาล

เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาท

สวัสดิการจากรัฐบาลที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ให้สามารถเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการอุดหนุนเงินให้ผู้ที่มีบุตร จำนวน 600 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 3 ขวบ และถ้าหากคลอดลูกแฝด จะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนเด็กที่เกิดมา คลอดบุตร 2 คน ก็จะได้รับเงินอุดหนุน 1,200 บาทต่อเดือน หรือ 3 คน ก็จะได้ 1,800 บาทต่อเดือน

โดยคุณแม่ที่จะขอรับสิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ปี 2561 ต้องเป็นบุตรที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561 อยู่ในครอบครัวที่สมาชิกในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน หรือต่ำกว่า 36,000 บาทต่อคนต่อปี บิดาและ/หรือมารดา เป็นผู้มีสัญชาติไทย สามารถไปลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดปี 2561 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2561

• คุณแม่ที่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต
• คุณแม่ที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัด สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเทศบาลหรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลตามภูมิลำเนา
• คุณแม่ที่มีภูมิลำเนาในเมืองพัทยาสามารถลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
• กรณีทำงานหรืออาศัยต่างภูมิลำเนา สามารถลงทะเบียนที่สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานนคร เมืองพัทยา หรือเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่จริง

 คุณแม่สามารถขอรับสิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ปี 2561

สิทธิประโยชน์จากรมสรรพากร

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 60,000 บาทต่อปี

คุณแม่หรือคู่สมรส สามารถนำค่าใช้จ่ายอย่าง ค่าฝากครรภ์ และ ค่าคลอดบุตร มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้สูงสุดไม่เกินปีละ 60,000 บาท ตามจำนวนจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง โดยจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับค่าใช้จ่ายที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป หากเป็นกรณีค่าคลอดบุตรในการตั้งครรภ์ไม่ได้เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน จะได้รับสิทธิลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริงในปีที่ใช้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท

ลดหย่อนภาษีบุตร 30,000 บาทต่อปี

คุณแม่หรือคู่สมรสที่มีบุตร ยังสามารถหักลดหย่อนภาษีบุตรได้ คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 3 คน โดยมีเงื่อนไขคือ บุตรต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี ถ้าบุตรอายุระหว่าง 21-25 ปี ต้องศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา (ระดับอนุปริญญาขึ้นไป) และบุตรต้องมีเงินได้ในปีไม่เกิน 30,000 บาท