คุณแม่คงเคยอ่านข่าวเด็กหาย เด็กถูกลักพาตัว โชคดีที่ตามตัวเจอ จับคนร้ายได้ แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะพบเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ แถมคนร้ายยังลอยนวล สะเทือนใจคนเป็นแม่ไม่น้อย แน่นอนว่าคงไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องตกเป็น "เหยื่อ" หรือต้องพบเจอกับเรื่องราวเหล่านี้ แต่เพราะคุณแม่ไม่สามารถที่จะตามติดลูกได้ทุกที่ ทุกเวลา และไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าภัยสังคมที่มานั้นจะมาในรูปแบบไหน ทางที่ดีที่สุดก็คือเตรียมลูกให้พร้อม จะได้รู้ทันเพื่อระวังภัยกันนะคะ
แก๊งลักเด็กที่แฝงตัวมาตีสนิท
babycenter.com
ข้อมูลของมูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า
- จุดที่พบว่าเด็กถูกลักพาตัวมากที่สุด คือ หน้าบ้าน และหน้าโรงเรียน
- คนร้ายมักจะใช้วิธีการหลอกล่อเด็กด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ให้ขนม ชวนไปซื้อขนม ชวนไปซื้อของเล่น
- คนร้ายบางรายจะมาร่วมเล่นกับเด็กอยู่บ่อย ๆ เพื่อตีสนิทให้เด็กวางใจ ก่อนลงมือลักพาตัว
การเตรียมลูกให้พร้อมที่ว่านี้ ก็คือการสอนให้ลูกรู้จักเอาตัวรอด ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนรู้จัก เพราะจากสถิติที่ได้มีการรวบรวมส่วนใหญ่พบว่า เหตุการณ์สะเทือนใจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็ก คนร้ายมักไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นคนรู้จัก คนใกล้ตัวในครอบครัวนี่เอง เรียกได้ว่าอันตรายมีอยู่ทุกที่จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นมาเตรียมความพร้อมไปพร้อม ๆ กับ Happy Mom.Life กันเลยดีกว่าค่ะ
มิจฉาชีพอาจเป็นคนใกล้ตัว
pitnorth.perfectmind.com
1. สอนให้ลูกรู้ว่าคนร้ายมาได้ทุกรูปแบบ อาจเป็นคนที่ดูเป็นมิตร เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก็ได้ ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ ให้สอนลูกให้รู้ว่า นอกจากพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่เคยเห็นแล้ว นอกนั้นคือคนแปลกหน้า และคนแปลกหน้าแบบไหนที่ต้องระวัง เพื่อให้ลูกสามารถแยกแยะได้ในเบื้องต้น เพราะเด็ก ๆ จะต้องพบกับคนแปลกหน้าอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะในละแวกบ้าน สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งที่โรงเรียน
2. สอนให้ลูกรู้จักการปฏิเสธ อย่ารับสิ่งของจากคนแปลกหน้า หรือบุคคลอื่นหากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่อนุญาต เพราะคนร้ายมักใช้วิธีให้ขนม หรือของเล่นแก่เด็กเพื่อเข้าใกล้ พูดคุย ตีสนิท หรือไม่ก็อาจจะมาในรูปแบบขอความช่วยเหลือ ถามทาง ให้ลูกหลีกหนีให้ไกล เพราะธรรมดาแล้วผู้ใหญ่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเด็ก นี่จึงเป็นแผนหลอกล่อเด็กให้ตายใจ พอสบโอกาสเหมาะก็จะลักพาตัวเด็กทันที หรือถ้ามีคนอื่นซึ่งไม่ใช่คุณแม่มารับที่โรงเรียน คุณแม่อาจจะต้องสอนลูกว่าถ้าไม่ใช่คุณแม่ห้ามไปด้วยโดยเด็ดขาด
แก๊งลักเด็กหรือมิจฉาชีพที่เข้ามาได้ทุกรูปแบบ
express.co.uk
3. สอนให้ลูกรู้จักใช้น้ำเสียงที่สามารถสร้างความสนใจให้แก่คนอื่นรอบ ๆ ตัวเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ตะโกนคำว่า “ไม่” หรือ “หยุด” โดยใช้น้ำเสียงที่ดุดันและดัง หรือ “ช่วยด้วย” และวิ่งขอความช่วยเหลือ
4. สอนให้รู้จักคนแปลกหน้าที่ลูกสามารถไว้ใจ และสามารถขอความช่วยเหลือได้คือใครบ้าง เช่น คุณครูคนไหนก็ได้ที่โรงเรียน แม้ว่าจะไม่ได้สอนเรา หรือไม่ได้เป็นครูประจำชั้น หรือตำรวจจราจรที่อยู่ที่หน้าโรงเรียน หรือเจ้าหน้าที่ร้านสวัสดิการในโรงเรียน เป็นต้น
5. สอนบทบาทสมมติให้กับลูก โดยคุณแม่ควรจำลองสถานการณ์เมื่อลูกต้องพบเจอกับคนแปลกหน้า ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกเดินเล่นอยู่ แล้วมีคนแปลกหน้ามาชวนให้ไปเล่นกับลูกหมาที่น่ารักมาก ๆ ตัวหนึ่ง ลูกจะทำอย่างไร หรือถ้ามีคุณป้าเดินเข้ามาพูดคุยด้วย ชอบกินขนมมั้ย ตรงโน้นมีร้านขนมอร่อย ๆ มา ๆ เดี๋ยวป้าพาไป ก็ให้ลูกแสดงบทบาทสมมุติว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และทบทวนกับลูกบ่อย ๆ
สอนให้ลูกรู้ทันคนแปลกหน้า
understood.org
คนแปลกหน้ามีทั้งคนดี และคนไม่ดี การสอนของคุณแม่ที่ต้องระวัง คือ อย่าสอนโดยใช้การขู่ให้เด็กกลัวคนแปลกหน้าอย่างไร้เหตุผล เพราะไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อทักษะในการเข้าสังคม และการมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ได้ ที่สำคัญที่สุด เวลาที่เด็กถูกทำร้าย หรือถูกคุกคามโดยคนแปลกหน้า คนที่จะช่วยลูกเราได้อย่างทันท่วงทีก็คือคนแปลกหน้าที่อยู่แถว ๆ นั้น เพราะฉะนั้นต้องสอนลูกให้เข้าใจในส่วนนี้ด้วย
ภัยร้ายอย่างเด็กหาย เด็กถูกลักพาตัวนี้อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ดังนั้นหากเราควรเตรียมลูกเราให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้ดีมากเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกคุณจะปลอดภัยก็จะมีเพิ่มขึ้นไปด้วยเท่านั้นในสภาพสังคมปัจจุบันนี้นะคะ
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/