รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี บางครอบครัวอาจจะใช้ได้ผล แต่ก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลเสมอไปกับบางครอบครัว เพราะเมื่อลูกทำผิด ลูกดื้อ หรือพูดไม่ฟัง การที่โดนดุ โดนตี นอกจากลูกจะเจ็บตัวแล้วก็อาจจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ต่อต้าน ไม่เชื่อฟังคุณแม่มากกว่าเดิมอีกก็ได้นะคะ ที่แย่ไปกว่านั้นยังอาจเป็นการหล่อหลอมให้ลูกซึมซับพฤติกรรมความรุนแรงและนำไปใช้กับคนอื่น เป็นผลเสียในระยะยาว
ลูกทำผิดใช่ว่าต้อง "ตี" ลอง 4 วิธีนี้สิได้ผล
แต่บางทีคุณแม่ก็อดไม่ได้ ด้วยความที่ลูกดื้อ หรือซุกซนจนได้เรื่อง บอกกล่าวหรือห้ามปรามไม่ฟังแบบนี้ ก็เลยต้องหาวิธีกำราบกันหน่อย แต่ใช่ว่าจะต้องลงโทษลูกด้วยการตีลูก ใช้กำลังหรือใช้อารมณ์เสมอไป Happy Mom.Life มีอีกหลากหลายวิธีมาฝากคุณแม่ทุกท่านค่ะ
ทำเสียงเข้ม
การทำเสียงเข้มในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการที่คุณแม่ทำเสียงแข็งกร้าว กระโชกโฮกฮาก ตวาด หรือเสียงดังโวยวายใส่เจ้าตัวเล็กนะคะ เพราะพฤติกรรมของแม่แบบนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมของลูก ให้เขาเป็นเด็กที่ต่อต้าน ขัดขืน และไม่เชื่อฟังได้ แต่ในเมื่อลูกดื้อบอกดี ๆ ไม่ฟัง คุณแม่ลองใช้โทนเสียงที่เข้มขึ้นกว่าปกติ และใช้สายตามองว่าถ้าลูกทำแบบนี้ไม่ดีนะ ห้ามนะ เป็นการส่งสัญญาณเตือน ถ้าหากลูกยังไม่ฟัง ก็คงต้องมีการทำโทษลูกกันบ้างแล้ว
Time out
เวลาที่ลูกทำผิดมาก เช่น ลูกดื้อ ทำในสิ่งที่เคยห้ามอยู่เสมอ หรือทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง คุณแม่อาจจะลงโทษลูกโดยใช้วิธี Time out ซึ่งเป็นการแยกเด็กไปอยู่ตามลำพังโดยไม่ได้รับความสนใจ และไม่มีกิจกรรมใด ๆ ประมาณ 1-2 นาที ในมุมใดมุมหนึ่งในบ้าน หรือในห้องของลูก แต่ยังคงต้องอยู่ในสายตาพ่อแม่นะคะ โดยวิธีการนี้สามารถได้กับเด็กที่เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ ได้ หรือในช่วงประมาณ 4-5 ขวบ
งดกิจกรรมโปรด
การทำผิดในบางกรณีที่ต้องแก้ไขทันที ก่อนที่จะติดเป็นนิสัยและไปทำกับคนอื่น เช่น เล่นกับคุณแม่อยู่ดี ๆ แล้วก็ทำร้ายคุณแม่เสียดื้อ ๆ ไม่ว่าจะเอาดินสอทิ่มนิ้ว เอาไม้บรรทัดตี หรือตะโกน ตะคอกเสียงดังใส่คุณแม่ บอกไม่เขื่อฟังแบบนี้ คงต้องอบรมกันก่อนและทำโทษลูกไปตามระเบียบ โดยการงดทำกิจกรรมโปรดที่ลูกชอบทำอยู่ทุกวัน เช่น งดเล่นเกม งดเตะฟุตบอล งดดูการ์ตูน งดเล่านิทานก่อนนอน แล้วแต่ว่าบ้านไหนลูกชอบอะไร สามารถใช้วิธีนี้ได้ตั้งแต่เด็ก 6 ขวบเป็นต้นไป เนื่องจากเริ่มเข้าใจเงื่อนไขง่าย ๆ ตามที่ตกลงกันได้แล้ว
สร้างข้อตกลงร่วมกัน
คุณแม่ต้องฝึกให้ลูกรู้จักรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง โดยการสร้างข้อตกลงและทำความเข้าใจร่วมกัน เช่น เล่นของเล่นเสร็จต้องเก็บเข้าที่ ถ้าเล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ทิ้งของเล่นวางเรี่ยราดเกลื่อนบ้านแบบนี้ แม่จะเก็บไปทิ้งถังขยะให้หมด เน้นย้ำลูกบ่อย ๆ เพื่อฝึกให้มีความรับผิดชอบจนติดเป็นนิสัย ทีนี้เวลาลูกเอาของเล่นออกมาเล่น เล่นเสร็จแล้วรับรองว่าจะต้องเก็บเข้าที่ทุกครั้งอย่างแน่นอน หรือถ้าลูกทำน้ำหกก็ต้องเอาผ้ามาเช็ด หรือกลับบ้านมาไม่รีบทำการบ้าน ดูแต่การ์ตูน เล่นแต่เกมก็ต้องเพิ่มเวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือให้นานขึ้น ตามข้อตกลงร่วมกัน
ไม่ว่าจะลงโทษลูกด้วยวิธีใด แต่อย่าลืมนะคะว่าก่อนทำโทษลูกทุกครั้งจะตั้งมีการบอกเหตุผลก่อนเสมอว่าทำไมต้องทำโทษลูก สิ่งที่ลูกทำนั้นไม่ดีอย่างไร ให้ลูกได้เข้าใจและเรียนรู้ผลจากการทำความผิด เพราะถ้าไม่อธิบาย เด็กก็จะสับสนและทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือขณะที่คุณแม่กำลังพร่ำอบรมสั่งสอนลูกอยู่นั้นไม่ควรใช้อารมณ์แต่ควรใช้เหตุผลให้มาก เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ลูกจะซึมซับพฤติกรรมของคุณแม่ เติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ใช้เหตุและผล ไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหาทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น
กรุณากรอกข้อมูลในฟอร์มด้วยข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถยืนยันบัญชีของคุณได้
https://yosana.co/blogs/yoga-blog/yoga-for-moms-to-be/