เมื่อเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อกลายเป็นบ้านน้อยหลังใหม่สำหรับลูกน้อยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ระหว่างคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณสามี ทั้งทางที่ดีและทางที่ควรทำความเข้าใจกันตั้งแต่ต้น เพื่อรักษาให้ความสัมพันธ์รักนั้นแข็งแรงและยืนยาว

ชีวิตคู่เปลี่ยนเมื่อตั้งครรภ์

1. คุณจะติดสามีมากขึ้น

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีฮอร์โมนพลุ่งพล่านซึ่งส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึกของคุณแม่ โดยเฉพาะในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์จำนวนมากมักรู้สึกกลัวที่จะถูกทอดทิ้งไว้คนเดียว ซึ่งเกิดขึ้นได้กับคุณแม่เกือบทุกคน ทั้งคนที่มั่นใจในตัวเอง หรือรักความอิสระมากที่สุดก็ตาม

คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีความกังวลร้อยแปดพันเก้าเกิดขึ้นในหัว กังวลว่าสามีจะทิ้ง กลัวว่าจะเดินไม่ดี หกล้มจนลูกน้อยเป็นอันตราย ซึ่งความกลัวเหล่านี้จะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทำในสิ่งที่แปลกอยู่หน่อย ๆ หรือทำตัวไร้เหตุผลกับสามี แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณแม่จะกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนไปตลอดการตั้งครรภ์ เพราะทุกอย่างจะกลับไปสู่สภาพปกติเมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินไปเรื่อย ๆ

แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น หากมีการทำความเข้าใจกับคุณสามีที่จะต้องรับศึกหนักในช่วงอารมณ์แปรปรวน ให้รู้ก่อนว่าคุณแม่จะทำตัวแปลก ๆ ขี้กังวลอยู่หน่อย ๆ นะ หรือเมื่อรู้ตัวว่าทำตัวไม่ดีก็ขอโทษเขาง่าย ๆ อย่างการหอม หรือกอด ก็ดูจะเป็นไอเดียที่ดีนะคะ

2. พวกคุณทั้งคู่อาจคิดไม่เหมือนกัน

คุณแม่ตั้งครรภ์กับสามีอาจจะมีความคิด หรือความรู้สึกต่อการมีลูกที่ไม่เหมือนกัน เพราะคุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ตั้งแต่เห็นขีดสองเส้นบนที่ตรวจครรภ์ หรือได้ฟังจากปากคุณหมอว่ายินดีด้วยครับ คุณกำลังจะได้เป็นคุณแม่ เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในละคร รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ยิ่งทำให้ผู้หญิงเริ่มความเป็นแม่ได้เร็วกว่าผู้ชายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย 

แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ตื่นเต้นกับการมีลูก แต่เขาจะเริ่มรู้สึกถึงความเป็นพ่อได้ก็ต่อเมื่อได้อุ้มลูกน้อยในอ้อมแขนแล้ว ซึ่งไม่ได้รวดเร็วเหมือนผู้หญิงที่มีความรู้สึกมาตั้งแต่ 9 เดือนที่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณแม่ต้องทำความเข้าใจในจุดนี้ ไม่โกรธที่เขาดูไม่ค่อยวิตกกังวล หรือกระตือรือร้นในการเลือกสีห้องลูก หรือหาเสื้อผ้า เครื่องใช้สำหรับลูกน้อย เหมือนที่คุณแม่เป็น

 คุณแม่ตั้งครรภ์กับสามีอาจมีความรู้สึกต่างกัน

parents.com

3. คุณสามีจะรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นได้กับผู้ชายเหมือนกัน เพราะทุกความสนใจจะมุ่งไปให้ความสำคัญกับคุณแม่ตั้งครรภ์มากกว่า เขาไม่ได้เป็นคนตั้งครรภ์นี่ เขาแค่เป็นคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คอยมองคนที่มาล้อมหน้าล้อมหลังคุณ ถามสารทุกข์สุกดิบ และเป็นห่วงเป็นใย คุณสามีก็อาจจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และไม่เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งครรภ์นี้

วิธีนี้แก้ได้ง่าย ๆ โดยการที่คุณแม่ตั้งครรภ์ทำให้เขาได้รู้สึกว่าได้ช่วยเหลือ ได้มีบทบาทบ้าง ชักชวนให้เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องของลูกน้อย โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร หรือทำให้เขารู้สึกว่าจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนที่จะได้สอนลูกให้เล่นฟุตบอล ที่สำคัญอย่าประคบประหงมลูกในท้องจนลืมทำอาหารเมนูโปรดให้เขากิน หรือเซอร์ไพรส์เขาด้วยการไปเดทหลังเลิกงาน ทำให้เขารู้สึกว่ายังเป็นเบอร์หนึ่งสำหรับคุณอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์กับคุณสามีให้แข็งแรงและยืนยาว

4. ยกระดับความสัมพันธ์ให้มากขึ้น

การตั้งครรภ์ก็มีเรื่องดีสำหรับความสัมพันธ์เช่นกัน เพราะถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับชีวิตคู่ที่คุณทั้งสองร่วมกันสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา จะเป็นการพัฒนาทั้งด้านอารมณ์และความรู้สึกให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างคุณทั้งสอง ซึ่งคุณทั้งคู่จะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ตลอดการตั้งครรภ์ ทั้งคุณสามีที่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดกับลูกในท้อง หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อาจกังวลจนล้น มองย้อนดูตัวเองแล้วน่าขัน หรือภาพคุณแม่ที่ผายลมบ่อยตลอดทั้งวัน ท่ามกลางกลิ่นก๊าซและเสียงหัวเราะเหล่านี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างคุณทั้งสองให้มากขึ้น

ชีวิตคู่และความสัมพันธ์ของครอบครัวที่แนบแน่น

17ninety.com

5. มีเซ็กส์น้อยลง

ความโรแมนติกในชีวิตคู่จะเริ่มสร่างซาลงหลังจากช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว เหนื่อยง่าย และรู้สึกอ่อนแอเกินกว่าจะร่วมกิจกรรมรักอันเร่าร้อนเหมือนเคย ยิ่งเมื่อท้องคุณแม่ใหญ่มากขึ้น การสาละวนกับกิจกรรมต่าง ๆ อาจทำให้หลงลืมกิจกรรมบนเตียง แต่สิ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เพราะการรักษาความสัมพันธ์ทางกายในระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของคุณให้ยังคงมั่นคงแข็งแรง และให้ความรู้ใกล้ชิดกันเหมือนเดิม

การรักษาให้ความรักยังคงมั่นคงและยืนยาวในช่วงระหว่างตั้งครรภ์นั้น สิ่งสำคัญคือความเข้าใจ หากเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของชีวิต ชีวิตคู่ ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนค่ะ

Credit Image: pixabay.com