โรคหัดเยอรมัน เป็นโรคร้ายที่คุ้นชื่อกันมานาน ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะไม่อันตรายต่อผู้ใหญ่นัก แต่ก็ถือเป็นโรคที่อันตรายต่อลูกในครรภ์มากทีเดียวค่ะ Happy Mom.Life จึงขอชวนคุณแม่ทุกท่านมาทำความรู้จักกับเจ้าโรคหัดเยอรมัน รวมทั้งวิธีการป้องกันรักษาโรคนี้กันค่ะ

หัดเยอรมันเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า รูบิไวรัส (Rubivirus) หรือ รูเบลลาไวรัส (Rubella virus) ซึ่งติดต่อได้ง่ายจากการหายใจรดกัน ไอ จาม หรือใช้สิ่งของร่วมกัน หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับเชื้อนี้ จะติดต่อสู่ลูกในครรภ์ทางรก และไวรัสตัวนี้จะส่งผลให้การแบ่งตัวของเซล์ในครรภ์หยุดชะงัก หรืออาจทำให้อวัยวะต่างๆ ของทารกในครรภ์ผิดปกติ และอาจส่งผลให้เกิดความพิการได้

โรคหัดเยอรมันส่งผลต่อลูกในครรภ์อย่างไร?

โดยปกติแล้ว โรคหัดเยรอมันจะไม่ส่งผลร้ายต่อคุณแม่มากนัก บางรายไม่มีการแสดงอาการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่โรคนี้จะส่งผลร้ายหนักต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งหากคุณแม่ได้รับเชื้อนี้และติดต่อถึงทารกในครรภ์ ก็อาจจะทำให้ทารกเกิดความผิดปกติได้ดังนี้

• ตาเป็นต้อกระจกหรือต้อหิน
• หูหนวก
• เกิดความผิดปกติทางสมอง
• หัวใจพิการ เกล็ดเลือดต่ำ
• ตับม้ามโต
• ทารกในครรภ์โตช้า
• แท้งหรือคลอดก่อนกำหนด
• ปอดบวม

หากตรวจพบแลพิสูจน์ได้แน่ว่าคุณแม่มีอาการติดเชื้อไข้หัดเยอรมัน ในช่วงตั้งครรภ์ประมาณ 4 สัปดาห์แรก สูตินารีแพทย์อาจแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ เนื่องจากทารกมีโอกาสพิการได้สูงมากถึง 50% โดยเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงจะลดต่ำลงตามอายุครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่หาทางป้องกันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะดีที่สุดค่ะ

จะป้องกันโรคหัดเยอรมันได้อย่างไร?

โรคไข้หัดเยอรมันนี้ หากเป็นแล้วหนึ่งครั้งร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้เองตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน โดยหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ควรคุมกำเนิดต่อไปประมาณ 3 เดือนก่อนจึงจะตั้งครรภ์ได้ และพยายามหลีกเลี่ยงการคลุกคบีกับผู้ป่วยโรคหัดเยอรมันค่ะ

 ปัจจุบันโรคร้ายต่างๆ มีมากมาย พร้อมจะเข้ามารังแก ทำร้ายลูกรักของเรา นอกจากการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคเหล่านั้นแล้ว คุณควรดูแลร่างกายตัวเองให้แข็งแรง พักผ่อนมากๆ และทำจิตใจให้เบิกบานควบคู่กันไปด้วยนะคะ เพราะสุขภาพของแม่ก็คือสุขภาพของลูกเช่นเดียวกันค่ะ